วันนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB แถลงการณ์ชี้แจงกรณีธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศไทยและเมียนมา มีดังนี้
ธนาคารไทยพาณิชย์ ขอเรียนชี้แจงกรณีธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศไทยและเมียนมา ปัจจุบันธนาคารไทยพาณิชย์ให้บริการธุรกรรมระหว่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนธุรกิจของลูกค้าไทยที่ต้องการชำระค่าสินค้าอุปโภคบริโภค และบริการไปยังประเทศเมียนมา โดยมีแนวทางปฏิบัติตามกฎหมาย และให้ความสำคัญกับการตรวจสอบทางด้านธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอย่างเคร่งครัด
จากกรณีธุรกรรมที่เกี่ยวโยงกับประเทศเมียนมาตามที่ปรากฏในรายงานสื่อนั้น ธนาคารได้ทำการตรวจสอบภายในแล้วพบว่า เป็นจำนวนธุรกรรมของลูกค้าองค์กรเพื่อการชำระค่าอุปโภคบริโภค และพลังงานซึ่งเป็นปกติธุระของธุรกิจ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการค้าอาวุธตามที่ปรากฏเป็นข่าว และเป็นมูลค่าธุรกรรมปกติ ซึ่งมิได้มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ธนาคารมีการทำ Due Diligence ตรวจสอบความถูกต้อง และรายงานการทำธุรกรรมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนการทำธุรกรรมทุกรายการ
ธนาคารขอยืนยันแนวทางการดำเนินงานตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดและเป็นไปโดยหลักธรรมาภิบาล ด้วยความโปร่งใสบนพื้นฐานของความยั่งยืน เพื่อส่งมอบคุณค่าระยะยาวแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
ขณะที่ในช่วงเช้าวันนี้ สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่าจากกรณีมีการเปิดเผยรายงานของผู้รายงานพิเศษ (Special Rapporteur) ของสหประชาชาติ (UN) โดยระบุว่า มีธนาคารในประเทศไทยเป็นผู้ให้บริการทางการเงินหลักให้กับรัฐบาลทหารเมียนมานั้น สมาคมธนาคารไทย ขอชี้แจงว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักเกณฑ์การดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อลูกค้า สังคม และประชาคมโลกและตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยได้ยึดถือและปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบขององค์กรกำกับดูแล คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งมีการกำกับดูแลและตรวจสอบอย่างใกล้ชิด สร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบการเงินของประเทศไทย
นอกจากนี้ ธนาคารสมาชิก ยังมีหน่วยงาน Compliance ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านกฎระเบียบและการปฏิบัติงานของทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงฐานข้อมูลของบุคคล องค์กร และประเทศที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีรายชื่ออยู่ในรายการที่ห้ามทำธุรกรรมธนาคาร ซึ่งแต่ละธนาคารได้ดำเนินการปรับปรุงข้อมูลและแนวทางการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์ของประเทศไทย มีนโยบายชัดเจน ไม่สนับสนุนการจัดซื้ออาวุธและสรรพาวุธกับองค์กรทางทหารของเมียนมา รวมถึงให้ความสำคัญต่อการป้องกัน และห้ามนำธุรกรรมทางเงินของภาคธนาคารไปใช้ในการจัดซื้ออาวุธที่นำไปใช้ละเมิดสิทธิมนุษยชน