นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมร่วมกับผู้บริหารร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่น ณ ห้องม่วงระย้า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่า “ได้เชิญผู้ประกอบการ ‘ร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่น’ ที่ร่วมจัดมหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ ‘รวมพลังห้างท้องถิ่น ลดยิ่งใหญ่ ไทยช่วยไทย’ (Local Low Cost) ระหว่างวันที่ 1–15 พฤศจิกายน 2568 จำนวน 18 ร้านค้า เป็นตัวแทนเข้าร่วมการประชุมฯ เพื่อต่อยอดการจัดกิจกรรม ‘Local Low Cost’ สร้างแต้มต่อทางการแข่งขันที่เป็นธรรมและยั่งยืน พร้อมระดมความคิดเห็นและความต้องการในการส่งเสริมธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทยให้เข้มแข็ง ซึ่งจะทำให้ภาครัฐสามารถพัฒนาธุรกิจค้าส่งค้าปลีกได้อย่างตรงจุด
เบื้องต้น เห็นควรจัดประชุมระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบ โดยเชิญนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านค้าส่งค้าปลีกเข้าร่วมกำหนดแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงศักยภาพร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญที่ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกต้องเร่งดำเนินการ คือ การยกระดับภาพลักษณ์ร้านค้าให้มีความสวยงาม ทันสมัย ได้มาตรฐาน ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่จะส่งผลให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น โดยควรดำเนินการไปพร้อมกับการสร้างการรับรู้ให้กับร้านค้าส่งค้าปลีกที่ผ่านการยกระดับมาตรฐานจากกรมฯ เร่งพัฒนาความรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพแก่ผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง เช่น ด้านเทคโนโลยี กฎหมาย บัญชี และภาษี รวมถึงเชื่อมโยงไปยังร้านค้าปลีก (โชห่วย) ในพื้นที่ เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจค้าส่งค้าปลีกให้มีความเข้มแข็งทั้งระบบสามารถเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ด้วยการสนับสนุนร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่นที่เป็น ‘พี่เลี้ยงโชห่วย’ ช่วยพัฒนาร้านโชห่วยในพื้นที่ให้เป็น ‘สมาร์ทโชห่วย’ ที่มีภาพลักษณ์ร้านค้าที่ดีและมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการร้านค้า และเพิ่มช่องทางออนไลน์เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด
นอกจากนี้ ร้านค้าส่งค้าปลีกยังเสนอให้มีมาตรการสนับสนุนสินเชื่อแก่ร้านโชห่วยและร้านค้าปลีกรายย่อย โดยขอให้สถาบันทางการเงินสามารถใช้ข้อมูลจากร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่น เช่น ยอดซื้อขาย ความถี่ในการสั่งสินค้า และการให้ความร่วมมือในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของภาครัฐ ไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาขอสินเชื่อ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น รวมถึงส่งเสริมให้ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกทั้งระบบ ให้ความสำคัญกับนโยบายของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง อาทิ คนละครึ่งพลัส บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ/สนับสนุนให้ร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่นและร้านโชห่วยทั่วประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้ประชาชนในภาพรวมอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศมีความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน” อธิบดีพูนพงษ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย