เปโตรนาส (Petronas) ซึ่งเป็นบริษัทในรูปแบบกึ่งรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันและพลังงานแห่งประเทศมาเลเซียและเป็นธุรกิจด้านพลังงานรายใหญ่แห่งหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่าเตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่มีจำนวนมากถึงกว่า 5,000 คนหรือคิดเป็น 10% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยจะต้องดำเนินการปลดพนักงานทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2025 นี้ นอกจากนี้ได้ประกาศไม่มีการโปรโมตพนักงานขึ้นไปสู่ตำแหน่งใหม่หรือตำแหน่งที่ใหญ่กว่าในปัจจุบัน ที่สำคัญประกาศนโยบายไม่รับสมัครพนักงานใหม่ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนธันวาคมปี 2026
นายมูฮัมหมัด ทูฟิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ เปโตรนาส เปิดเผยว่า สาเหตุในการปลดพนักงานครั้งใหญ่นี้เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ตกต่ำต่อเนื่องนับตั้งแต่ในช่วงปี 2023 และ 2024 เรื่อยมาจนกระทั่งถึงในปัจจุบันของปี 2025 ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร ด้านรายได้พบว่า ในปี 2024 มีผลการดำเนินงานที่ย่ำแย่ฉุดรายได้ดำดิ่ง -32% รายได้ที่ตกต่ำเป็นอย่างมากในปีที่แล้วอย่างร่วงลงต่อเนื่องมากกว่าในปี 2023 ที่มีรายได้สุทธิสุดหนักมากถึง -21%
สถานการณ์ตลาดพลังงานในปัจจุบันได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำรวมถึงความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่มีสูงอยู่ตลอดเวลาจากภาวะความขัดแย้งด้านการค้าของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลกดังนั้นส่วนต่างของกำไรหดตัวลงอย่างรวดเร็วจนกระทั่งแทบจะไม่สามารถทำกำไรได้อีกต่อไปในขณะที่กลุ่มธุรกิจผลิตน้ำมันดิบต้องเผชิญกับ พื้นที่ในการสำรวจแหล่งน้ำมันดิบลดน้อยลง ผลประกอบการรัฐวิสาหกิจพลังงานเปโตรนาสที่ตกต่ำลงต่อเนื่อง ได้กลายเป็นปัจจัยลบที่กระทบต่อรายได้ของรัฐบาลมาเลเซียในอนาคต
ทั้งนี้ ซีอีโอ เปโตรนาส เปิดเผยว่า ได้กำหนดการจัดงบประมาณในการดำเนินกิจการของทั้งกลุ่มเปโตรนาส โดยอยู่บนตัวเลขคาดการณ์ของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ระหว่าง 75 ถึง 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในขณะที่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบในตลาดดังกล่าวนั้นเคลื่อนไหวต่ำกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยลงมาอยู่ที่ใกล้เคียงกับระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลมาเป็นระยะเวลานาน