นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้สหพันธ์ฯอยู่ระหว่างรอการตอบรับจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หลังจากเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้ยื่นหนังสือขอเข้าพบหารือกรณีคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 31.44 บาทต่อลิตร เพื่อหารือและเสนอแนวทางช่วยบรรเทาผลกระทบต่อการดำรงชีพของประชาชน หากไม่มีการตอบรับทางสหพันธ์ฯจะยกระดับการเคลื่อนไหวต่อไป
แม้รัฐบาลจะมีมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแก่ประชาชน โดยวางกรอบการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน ถึง 31 กรกฎาคม 2567 ซึ่งในข้อเท็จจริงน้ำมันดีเซลถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาคอุตสาหกรรม ใช้กับเครื่องจักรในโรงงาน เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคขนส่ง ทั้งรถบรรทุกสินค้าและรถโดยสาร หากกำหนดราคาน้ำมันดีเซลมากกว่า 30 บาทต่อลิตร จะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ค่าขนส่งเพิ่มขึ้น ท้ายที่สุดประชาชนผู้บริโภค จะเป็นผู้แบกรับภาระค่าใช้จ่าย สวนทางกับนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน รวมถึงรัฐบาลจะสนับสนุนให้เกิดการบริหารจัดการราคาพลังงานทั้งค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้มและค่าน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในทันที นอกจากนี้รัฐบาลจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศอีกด้วย”นายอภิชาติกล่าว
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาแม้น้ำมันจะทยอยปรับขึ้นทุกลิตรละ 50 สตางค์ แต่เรายังตรึงราคาค่าขนส่งให้กับซัพพลายเออร์ จากปกติเมื่อน้ำมันขึ้นทุก 1 บาท ต้องขยับค่าขนส่ง 3% ดังนั้นถ้าหากดีเซลขยับไปถึง 33 บาทต่อลิตร เท่ากับต้องปรับค่าขนส่งขึ้น 9% ถ้าไม่ไหวเราคงต้องปรับค่าขนส่งขึ้นตามต้นทุนและหากแบกรับต้นทุนไม่ไหว วิ่งไปก็ขาดทุน ผู้ประกอบการคงต้องหยุดวิ่ง