ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ดัชนี หุ้นไทย ปรับตัวลงตลอดสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายสุทธิของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยมีปัจจัยลบจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจไทย หลังสศช. ปรับประมาณการจีดีพีไทยสำหรับปี 2567 เหลือ 2-3% จากเดิม 2.2-3.2% ความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการเมืองภายในประเทศ รวมถึงการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน หลังเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ค. ยังออกมาดีกว่าคาดทั้งนี้ปัจจัยลบข้างต้นกระตุ้นให้เกิดแรงขายทำกำไรในหุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรมนำโดยพลังงานอสังหาริมทรัพย์และไฟแนนซ์
โดยในวันศุกร์ที่ 24 พ.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,364.48 จุด ลดลง 1.32% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 41,150.43 ล้านบาท ลดลง 10.50% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.58% มาปิดที่ระดับ 382.05 จุด
สำหรับสัปดาห์นี้ (27-31 พ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,350 และ 1,340 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,375 และ 1,385 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 (Second Estimate) ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนเม.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพ.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน กำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. และดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ค. ของจีน รวมถึงยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ของญี่ปุ่น