กสิกร เกาะติดสถานการณ์ส่งออกแผงโซลาร์ไทย หลังสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มเท่าตัว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ผู้ส่งออก แผงโซลาร์ ของไทยได้รับผลกระทบอย่างมากจากมาตรการป้องกันของสหรัฐฯ และจะเผชิญกับการแข่งขันในการบุกตลาดอื่นๆ โดยประเทศไทยจำเป็นต้องพัฒนากลยุทธ์ใหม่สำหรับการส่งออกแผงโซลาร์ เนื่องจากการส่งออกการส่งออกของแผงโซลาร์ของไทยนั้นมุ่งเน้นไปยังสหรัฐฯ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 97.4% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของแผงโซลาร์ไทย

แม้ว่าตลาดส่งออกแผงโซลาร์ของไทยไปยังสหรัฐฯจะยังคงอยู่ เนื่องจากราคาของแผงโซลาร์ของไทยที่ถูกกว่า แต่ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของไทยจะเกิดขึ้นต่อเมื่อไม่ถูกเรียกเก็บภาษี Anti-dumping เท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเหล่านี้ บริษัทผลิตแผงโซลาร์ในประเทศไทยต้องปฏิบัติตามข้อบังคับที่เข้มงวด

ตัวอย่างเช่นบริษัท Canadian Solar ได้จัดตั้งโรงงานผลิตเวเฟอร์ขนาด 5 กิกะวัตต์ในประเทศไทยเมื่อเร็ว ๆนี้  ซึ่งอาจช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้

แต่ประเทศไทยยังคงต้องสำรวจตลาดส่งออกแผงโซลาร์ในภูมิภาคอื่นๆเพิ่มเติม เนื่องจากสหรัฐฯ มีการสนับสนุนผู้ผลิตในประเทศ ประกอบกับสภาวะความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์กับจีน เช่นการเพิ่มภาษีล่าสุดของสหรัฐฯสำหรับแผงโซลาร์จากจีนจาก 25% เป็น 50% จริงๆแล้วมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อจีน เนื่องจากจีนส่งออกถึงสหรัฐฯ แค่ 0.06%

การขยายความสัมพันธ์กับประเทศที่มีการส่งออกอยู่แล้วอาจเพิ่มโอกาสทางการค้าได้ ตัวอย่างเช่น แคนาดาเป็นตลาดส่งออกอันดับที่สี่ของประเทศไทย และประเทศไทยนั้นก็เป็นผู้จัดหาแผงโซลาร์อันดับสองของแคนาดา แคนาดายังจำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ของประเทศซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการแผงโซลาร์ที่เพิ่มขึ้น แสดงถึงเป็นโอกาสการขยายตลาดการส่งออกแผงโซลาร์ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยต้องแข่งขันกับเวียดนามซึ่งเป็น แหล่งนำเข้าแผงโซลาร์ที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดา

การกระจายจำนวนแผงโซลาร์บางส่วนของการส่งออกไปสนับสนุนตลาดในประเทศนั้นก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ ถึงแม้ว่าตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยจะยังไม่เพียงพอต่อการรองรับการส่งออกทั้งหมด แต่การที่ผู้ส่งออกแผงโซลาร์ในไทยหันมาให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศนั้นอาจจะเพิ่มการขยายตัวของตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยให้เพียงพอในอนาคตได้

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles