ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 1 เดือนที่ระดับ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ แต่ฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนปลายสัปดาห์
โดยเงินบาทขยับอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และภาพการอ่อนค่าของสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ทยอยฟื้นตัวขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ถึงโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.25% ในการประชุมเดือน พ.ย. นี้ หลังจากบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 17-18 ก.ย. ระบุว่าแม้กรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยลง 0.50% แต่ก็มีความเห็นที่สอดคล้องกันว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนั้นจะไม่ใช่เงื่อนไขที่ทำให้เฟดต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมรอบถัดๆ ไป
อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวแข็งค่ากลับมาบางส่วนตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ประกอบกับช่วงขาขึ้นของเงินดอลลาร์ฯ เริ่มจำกัดในช่วงปลายสัปดาห์ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีทิศทางปะปน โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดไปที่ระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน ขณะที่แม้ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด แต่ก็ยังคงเป็นทิศทางชะลอลงต่อเนื่อง
สำหรับในวันศุกร์ที่ 11 ต.ค. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.34 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.04 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (4 ต.ค. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 7-11 ต.ค. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยที่ 6,339 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 8,855 ล้านบาท (แบ่งเป็น ขายสุทธิพันธบัตร 8,828 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 27 ล้านบาท)
ส่วนในสัปดาห์นี้ (14-18 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.90-33.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. (16 ต.ค.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินเอเชีย และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือน ก.ย. ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก และเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ต.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) อัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ของอังกฤษ ยูโรโซน และญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูลจีดีพีไตรมาส 3/2567 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือน ก.ย. ของจีนด้วยเช่นกัน