บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย เปิดเผยว่า ข้อมูลเศษฐกิจไทยที่อ่อนแอที่สะท้อนจากอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ชะลอตัว -0.6% เมื่อเปรียบเทียบระหว่างไตรมาสก่อนหน้านี้ ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศไทยอาจตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค หากตัวเลขจีดีพียังคงลดลงในรายไตรมาสอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะต้องริดูตัวเลขจีดีพีในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ท่ามกลางรัฐบาลจะเร่งการอนุมัติงบประมาณปี 2567 ให้เร็วกว่าแผนเดิมอีก 2 สัปดาห์ โดยขึ้นมาเป็น 3 เมษายน จากเดิมในวันที่ 17 เมษายนนี้
มุมมองของบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ประเมินว่า อาจยังไม่เพียงพอ โดยมีสาเหตุจากสัญญาณของเศษฐกิจไทยที่อ่อนแอลง โดยดูได้จากอัตราเงินเฟ้อของไทยที่ติดลบติดต่อกันเป็นเวลา 4 เดือนจนถึงเดือนก่อนหน้านี้ เมื่อดูจากอัตราเงินเฟ้อของไทยในเดือนมกราคม 2567 อยู่ที่ -1.1 นั่นหมายความว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่สูงถึง 3.6% ส่งผลให้คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศษฐกิจทั้งจากนโยบายการคลังและนโยบายการเงินจะเพิ่มขึ้นในระยะสั้น
นอกนี้ คาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงก่อนที่จะมีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล เนื่องจากโครงการดังกล่าวอาจถูกเลื่อนออกไปเป็นปีงบประมาณ 2568 สาเหตุจากอุปสรรคทางข้อกฎหมาย จึงประเมินว่าแบงก์ชาติจะลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาเหลือที่ระดับ 2.25% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ทำให้ค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าเหลือ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากกรณีหากแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยก่อนธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งแรกในช่วงกลางปีนี้
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงปัจจุบัน ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าลง 4.7% มาเคลื่อนไหวระดับ 36.03 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
