ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยกองทุนประกันสังคมกับสังคมสูงอายุ โจทย์ที่ต้องแก้ไขเพิ่มเพื่อบรรเทาความเสี่ยงเงินกองทุนติดลบในปี 2597 หรือในอีก 29 ปีหน้า สาเหตุจากรายจ่ายเร่งตัวสูง แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำ สะท้อนสัญญาณปัญหาของกองทุนประกันสังคมของไทย โดยเฉพาะรายจ่าย กรณีชราภาพสูง ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.9 เท่าเมื่อเปรียบเทียบในปี 2566/2562 ในขณะเดียวกันผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ ROI ซึ่งคำนวณจากผลตอบแทนที่รับรู้แล้ว พบว่าผลตอบแทนดังกล่าวต่ำ ได้เพียง 2.8% ในปี 2567 ซึ่งลดต่ำลงเมื่อเทียบกับ 4.3% ที่ได้ในปี 2562
จำนวนผู้รับบำนาญชราภาพที่เพิ่มขึ้น จะทำให้รายจ่ายแซงรายได้ ดังนั้นกองทุนประกันสังคมจะหดหายกลายเป็นศูนย์ในอีก 30 ปีข้างหน้า หรือในปี 2597 จากข้อมูล พบว่า จำนวนผู้รับบำนาญชราภาพในไทยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 28% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีล่าสุดผ่านมาถึงปี 2567 ขณะที่ในช่วงระยะเวลา 9 ปีติดต่อกัน หรือตั้งแต่ปี 2559 ที่มีผู้รับบำนาญชราภาพไม่ถึง 100,000 คน พุ่งขึ้นมาเป็นประมาณ 800,000 คนในปี 2567
เมื่อมองทั้งด้านรายได้และรายจ่าย พบว่ามีทิศทางลดลง ในช่วงปี 2559-2562 พบว่ารายรับ-รายจ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 89,798 ล้านบาท ลดลงมาเหลือเฉลี่ยที่ 54,674 ล้านบาทในช่วงปี 2563-2566 จึงคาดว่า SET ZERO ภายในปี 2597 จากเงินกองทุนสะสมรวมปี 2567 ที่ 2.7 ล้านล้านบาท เนื่องจากเป็นภาวะที่กองทุนประกันสังคมเข้าสู่การเริ่มต้นใหม่ โดยมีเงินเข้าใกล้เคียงกับเงินออก และหากปล่อยไปเรื่อยๆ จำนวนเงินเข้าจะน้อยกว่าเงินออกตามภาพของสัดส่วนผู้สูงอายุในสังคมไทยที่เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ กองทุนประกันสังคมจึงต้องทบทวนเพดานเงินสมทบทุก 3-5 ปี เพื่อรองรับรายจ่ายที่เพิ่มต่อเนื่อง ต้องปรับนโยบายลงทุน เพื่อเปิดโอกาสลงทุนหลากหลายขึ้น และขยายอายุเกษียณของผู้ประกันตนจาก 55 ปี เป็น 60 – 65 ปี