ประเทศกัมพูชากำลังกลายเป็นหนึ่งในประเทศหลายแห่งที่ต้องการจะนำทองคำแท่งไปให้ประเทศจีนทำการเก็บรักษา และดูแลทองคำแท่งของธนาคารกลางกัมพูชา หลังจากที่รัฐบาลจีน และ ธนาคารกลางจีน หรือพีบีโอซี ได้เปิดเผยเมื่อเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาว่า จีนต้องการที่จะยกระดับมาตรฐานศูนย์กลางซื้อขาย และเก็บรักษาทองคำแท่งของธนาคารกลางจากหลากหลายประเทศที่เป็นพันธมิตรกับประเทศจีน
แหล่งข่าว หรือบุคคลที่ใกล้ชิดกับความเคลื่อนไหวดังกล่าวของธนาคารกลางกัมพูชาเปิดเผยว่า กัมพูชามีแผนที่จะนำทองคำแท่ง ซึ่งได้จากการซื้อใหม่ นำไปจดทะเบียนและฝากไว้ที่ตลาดซื้อขายทองคำแท่งแห่งนครเซี่ยงไฮ้จีน นอกจากประเทศกัมพูชาแล้ว ยังมีประเทศที่แสดงความสนใจต้องการที่จะนำทองคำแท่งไปฝากไว้ที่สถานที่ดังกล่าว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อของประเทศเหล่านั้น
ที่สำคัญ หลายประเทศต้องชั่งน้ำหนักทั้งผลดีและผลเสียของการนำทองคำแท่งของธนาคารกลางต่างๆที่ในปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่ธนาคารกลางลอนดอนประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นศูนย์กลางซื้อขายและรับฝากทองคำแท่งจากทั่วทุกมุมโลกมาเป็นเวลานาน ย้ายไปฝากไว้ที่นครเซี่ยงไฮ้
สภาทองคำโลก หรือดับเบิลยูจีซี เปิดเผยว่า ในปัจจุบัน ธนาคารกลางกัมพูชามีทองคำแท่งร่วมกันทั้งสิ้น 54 ตัน หรือคิดเป็น 25% ของมูลค่าทุนสำรองระหว่างประเทศของกัมพูชาที่ 26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 858,000 ล้านบาท
ในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกัมพูชาและประเทศจีนนั้น พบว่านายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้เดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชาช่วงต้นปีนี้ที่ผ่านมา รวมถึงรัฐบาลจีนได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในประเทศกัมพูชา เช่น ท่าเรือที่เมืองสีหนุวิลล์ นอกจากนี้ จีนยังเป็นประเทศที่ปล่อยกู้ หรือเป็นเจ้าหนี้เงินกู้รายใหญ่ของกัมพูชาด้วยการเป็นเจ้าหนี้มากถึง 1 ใน 3 ของหนี้ต่างประเทศทั้งหมดของกัมพูชา ในด้านการค้าของทั้งสองประเทศพบว่า มีมูลค่าการค้าขายในปี 2024 ที่ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 495,000 ล้านบาท
สำหรับธนาคารกลางจีน และกระทรวงการคลังจีน ได้เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าทองคำแท่งจากประเทศต่างๆ ที่สนใจจะนำมาฝากไว้ที่ตลาดซื้อขายทองคำแท่งนครเซี่ยงไฮ้นั้น จะต้องเป็นทองคำใหม่ มากกว่าที่จะมีการขนย้ายทองคำในปัจจุบันที่เก็บรักษาไว้ที่ศูนย์กลางเก็บรักษาทองคำในที่อื่นๆ ของโลก