บรรดาผู้เชี่ยวชาญธุรกิจโรงแรม และบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังระดับโลกล้วนมีมุมมองที่สอดคล้องกันว่าภาวะธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยในปี 2024 นี้ ได้ผ่านสุดสูงสุดไปแล้ว เตือนว่าธุรกิจโรงแรมในไทยจะเข้าสู่ภาวะปรับฐาน สาเหตุหลักสำคัญมาจากความต้องการท่องเที่ยวที่สะสมตกค้างมานานนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตและหลังวิกฤตโรคโควิด-19 ได้หมดไป นอกจากนี้ ยังเตือนให้ผู้ประกอบการโรงแรมในไทยให้ระมัดระวังตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนหลังจากที่ฟื้นตัวในระดับหนึ่งซึ่งเบาบางในปีผ่านไป โดยในปีนี้จะได้รับปัจจัยลบจากสภาพเศรษฐกิจจีนที่ตกต่ำ และปัญหาความไม่ปลอดภัยที่เป็นประเด็นตกค้างในการท่องเที่ยวในไทย
นายบิลล์ บาร์เน็ท ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาอุตสาหกรรมโรงแรมมีชื่อว่า ซีไนน์ โฮเทลเวิร์ค เปิดเผยว่า เป็นสิ่งที่ดีที่ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวขาวจีนกลับมาในปีที่แล้วทั้งๆที่ตัวเลขชาวจีนไม่พื้นตัวอย่างที่คาดหวัง เนื่องจากท่องเที่ยวไทยได้พยายามกระจายความเสี่ยงไปยังนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลไทยจะตั้งเป้าหมายให้มีชาวต่างชาติเข้าไทยปีนี้ที่ 35 ล้านคน หรือ 40 ล้านคนเท่ากับช่วงก่อนเปิดโรคระบาดโควิด-19 นั้น แต่ธุรกิจโรงแรมหลายแห่งในไทยคาดการณ์แนวโน้มต่างชาติเข้าไทยจะทรงตัวในปีนี้ สาเหตุจากความต้องการท่องเที่ยวที่สะสมตกค้างมานานได้ลดหายไปหมดแล้ว กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติระดับคุณภาพ หรือใช้จ่ายเงินสูงคาดว่าจะลดลงชัดเจน ในขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มระดับทั่วไปเข้ามาแทน และอัตราการเข้าพักอย่างสม่ำเสมอที่เกิดขึ้นในทั้ง 4 ไตรมาสของปีผ่านมา จะกลับไปแปรผันขึ้นลงตามฤดูกาลท่องเที่ยวตามปกติ
นายรัฐวัตน์ คูวิจิตรสุวรรณ รองผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารทรัพย์สินและที่ปรึกษา โจนส์ แลง ลาซาลล์ (JLL) หรือ เจแอลแอล ยักษ์ใหญ่ธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า ในปี 2023 ผ่านไป เป็นปีความต้องการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวที่มีอย่างมาก แต่ความต้องการดังกล่าวหดหายลงไปตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ในปีผ่านมา สำหรับในปีนี้ จะได้ความต้องการที่ชัดเจน แท้จริง และแนวโน้มปกติมากขึ้น ราคาค่าตั๋วเครื่องบินและราคาห้องพักโรงแรมที่มีราคาแพง จะเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักต่อความต้องการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน และการเดินทางเพื่อธุรกิจขององค์กร นักท่องเที่ยวไม่สามารถกลับไปใช้จ่ายได้มากเหมือนในปีผ่านมา
นายเจสเปอร์ พาล์มควิสท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยอุตสาหกรรมโรงแรม ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เอสทีอาร์ เปิดเผยว่า ราคาห้องเข้าพักโรงแรมในภาพรวมพุ่งสูงถึง 20% ซึ่งสูงกว่าราคาห้องพักโรงแรมในปี 2019 นั้น เริ่มลดต่ำลง นั่นจึงทำให้การควบคุมค่าใช้จ่ายของบรรดาเจ้าของกิจการโรงแรมจึงเกิดขึ้นในปี 2024 ค่าแรงที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่แนวโน้มรายได้จะเริ่มชะลอตัวลง เจ้าของโรงแรมเผชิญปัญหาอย่างเลี่ยงไม่ได้