เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2568 คาดจะขยายตัวถึง 1.8 % สูงขึ้นจากคาดการณ์เดิมไว้ที่ 1.6% โดยมีแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/2568 ที่คาดว่าจะขยายตัวในระดับดี ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมถึงการส่งออกขยายตัวสูงอย่างเดือนกันยายนโต 19% ถือว่าดีกว่าคาดการณ์ไว้ 10% และการท่องเที่ยวยังขยายตัว และจากมาตรการคนละครึ่งพลัส ซึ่งช่วงเช้าในวันที่สองของโครงการฯ มียอดใช้จ่ายแล้ว 2,200 ล้านบาท ถือเป็นแรงหนุนเศรษฐกิจไตรมาส 4 ทำให้มีโอกาสโตได้เกิน 1%
โดยปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจ คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ทั้งการเติมเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2.2 หมื่นล้านบาท โครงการคนละครึ่ง พลัส คาดจะช่วยดันเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 8.8 หมื่นล้านบาท และมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่าย ที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2568 พ้นจากการติดหล่มได้ โดยเชื่อว่าจะขยายตัวสูงกว่า 0.3% แน่นอน ทำให้ในไตรมาส 4 จึงมีปัจจัยที่เป็นตัวพลิกผัน หรือเป็นจุดเปลี่ยนของเศรษฐกิจ ที่เห็นได้ชัดมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งพลัส ทันทีที่เริ่มโครงการมีการใช้จ่ายอย่างดี สะท้อนว่าโครงการเริ่มทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
ขณะที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ได้ปรับเพิ่มประมาณการอัตราขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจของไทยปี 2568 เป็น 2.4% จากเดิม 2.2% ส่วนปี 2569 สศค.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2% ชะลอตัวลงจากปีนี้ เนื่องจากผลของการส่งออกที่อาจติดลบ 1.5% หลังได้เร่งส่งออกไปมากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ ภายใต้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป คาดว่าจะกลับมาขยายตัวที่ 0.5%
สำหรับข้อมูลการใช้สิทธิโครงการ “คนละครึ่งพลัส” วันที่ 30 ต.ค. มีผู้ใช้จ่ายผ่านโครงการคนละครึ่ง พลัส สำเร็จแล้วกว่า 3 พันล้านบาท
 
								 
															 
								 
								 
								 
								 
								 
								 
								 
								