ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 40,527 จุด +300 จุด หรือ +0.75% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,560 จุด +32 จุด หรือ +0.58% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,461 จุด +95 จุด หรือ +0.55% ส่งผลดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดขึ้นวันที่ 6 ติดต่อกันรวม +2,355 จุด และ +400 จุด ตามลำดับ นอกจากนี้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้น 6 วันติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบ 9 เดือนผ่านมา หรือตั้งแต่กรกฎาคม 2024 และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดขึ้น 6 วันติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบ 5 เดือนผ่านมา หรือตั้งแต่พฤศจิกายน 2024
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ปิดตลาดในคืนผ่านมาตรงกับวันครบรอบ 100 วันของการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฏว่า ครบ 100 วันดังกล่าวดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง -7.23% และมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐสะท้อนจากดัชนีหุ้นดังกล่าวหดหายมากถึง 3.66 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 122.6 ล้านล้านบาท ทำสถิติตลาดหุ้นนิวยอร์ก ครบ 100 วันของประธานาธิบดีดนัลด์ ทรัมป์ในสมัยที่ 2 ที่เลวร้ายเป็นอันดับที่ 3 ในโอกาสครบ 100 วันของประวัติศาสตร์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ผ่านมา สถิติดังกล่าวเป็นรอง หรือตามหลังในยุคอดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เมื่อ 56 ปีผ่านมา และอดีตประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด เมื่อ 51 ปีผ่านมา ตามลำดับ
ก่อนหน้านึ้ถึงวันที่ 21 เมษายน 2025 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้งสามแห่งทำสถิติดำดิ่งเลวร้ายถึง -9% นับตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2025 หรือเป็นวันที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศบังคับใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs กับ 185 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งยังคงร่วงลง -5.1%, -3.3% และ -2.5% ตั้งแต่วันที่ 2 มาถึงวันที่ 24 เมษายนผ่านไป ส่งผลดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และนาสแดคปิดลดลง 4 วันติดกันรวม -2,352 จุด และ -959 จุดตามลำดับ ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -2%, -1.5% และ -2.% ตามลำดับ
สาเหตุจากนักลงทุนมั่นใจมากขึ้นหลังจากรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ สหรัฐ กล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาใกล้จะประกาศข้อตกลงการเจรจากับประเทศหนึ่งเป็นประเทศแรก แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อประเทศดังกล่าว นอกจากนี้ ประธานาธิบดีนายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า การเจรจาภาษีกับประเทศอินเดียกำลังเป็นไปด้วยดีมาก และสหรัฐอเมริกาอาจจะปิดดีลการเจรจากับอินเดียเร็วๆนี้
ผลสำรวจเกี่ยวกับมุมมองภาวะเงินเฟ้อสหรัฐอเมริกา พบว่าตัวเลขดังกล่าวในช่วง 5 ปี ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.5% ทำสถิติมุมมองเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 30 ปีหรือนับตั้งแต่เมษายนปี 1995 เป็นต้นมา และในช่วง 1 ปี ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.3% ทำสถิติมุมมองเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 1 ปี 3 เดือน หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2023 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน