ครม.อนุมัติคลัง เดินหน้ามาตรการภาษี ดันไทยสู่ศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลโลก ยกเว้นภาษี Capital Gain ถึงปี 2572

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Hub) ของโลก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมาตรการสำคัญคือการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกำไรส่วนทุน (Capital Gains) จากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568 ถึง 31 ธ..ค.2572 หวังกระตุ้นตลาดและธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทยให้เติบโต ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ภาษีเพิ่มในระยะปานกลางไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ มาตรการภาษีดังกล่าวเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกำไรส่วนทุนที่เกิดจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีเงื่อนไขว่าธุรกรรมเหล่านั้นต้องเกิดขึ้นผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ได้แก่ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange), นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Broker), และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Dealer)

โดยมาตรการเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) ของโลก ซึ่งประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ของโลกที่มีทั้งกฎหมายกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลและกฎหมายภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล และที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้เกิดการระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัล และสนับสนุนให้การซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเกิดขึ้นผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

“การปรับปรุงการจัดเก็บภาษีจากสินทรัพย์ดิจิทัลในคราวนี้ จะทำให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย รวมถึงธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและธุรกิจเกี่ยวเนื่องในประเทศไทยเติบโตเพิ่มขึ้น ตลอดจนการระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัลและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้น อันจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะสร้างรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นในระยะปานกลางไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท”

สำหรับมาตรการภาษีนี้เป็นการสนับสนุนการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทยที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งมีการดำเนินการตามข้อแนะนำของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงิน (Financial Action Task Force (FATF)) จึงเชื่อมั่นได้ว่าธุรกรรมเหล่านี้จะมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้

ในส่วนของการสร้างความโปร่งใสในระดับสากล กรมสรรพากรยังอยู่ระหว่างดำเนินการตามกรอบการรายงานข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลแบบอัตโนมัติ (Crypto-Asset Reporting Framework: CARF) ของ OECD ซึ่งจะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลกับประเทศทั่วโลก ซึ่งจะยิ่งทำให้การทำธุรกรรมทางสินทรัพย์ดิจิทัลมีความโปร่งใสเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles