ครม. อนุมัติในหลักการร่างกฎกระทรวง เยียวยาผู้ประกันตน กรณีว่างงานจากเหตุสู้รบชายแดนไทย – กัมพูชา 

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง การได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการสู้รบบริเวณชายแดน พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

สำหรับ ร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ได้มีการกำหนดเพิ่มเติมบทนิยาม คำว่าเหตุสุดวิสัยให้ครอบคลุมถึงภัยอันเกิดจากการสู้รบบริเวณชายแดน ซึ่งมีผลกระทบต่อสาธารณชน และถึงขนาดที่ผู้ประกันตนไม่สามารถทำงานได้หรือนายจ้างไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ เพื่อให้การคุ้มครองของประกันสังคมครอบคลุมถึงภัยจากการสู้รบหรือความไม่สงบที่เกิดจากการกระทำของบุคคล ซึ่งจะทำให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตน ที่ไม่สามารถไปทำงานหรือสถานประกอบการต้องปิดชั่วคราวเพื่ออพยพไปพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน เนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการสู้รบบริเวณชายแดน โดยได้กำหนดให้ลูกจ้างในกรณีดังกล่าวมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนเช่นเดียวกับเหตุสุดวิสัยที่กำหนดไว้ในปัจจุบัน คือ ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน

โดยจะให้ได้รับตลอดระยะเวลาที่ไม่ได้ทำงาน หรือนายจ้างไม่ให้ทำงาน หรือที่นายจ้างต้องหยุดประกอบกิจการ แล้วแต่กรณี แต่รวมกันไม่เกิน 180 วัน และในการจ่ายประโยชน์ทดแทนให้จ่ายเป็นรายเดือนสำหรับเศษของเดือนให้คำนวณเป็นรายวัน และให้หยุดจ่ายเมื่อผู้ประกันตนลาออก ถูกเลิกจ้าง หรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง

นอกจากนี้ ได้กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยคำแนะนำของคณะกรรมการประกันสังคมประกาศกำหนดพื้นที่ และระยะเวลาการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย และได้กำหนดให้ร่างกฎกระทรวงมีผลใช้บังคับย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568

ทั้งนี้ การเสนอร่างกฎกระทรวงดังกล่าวกระทรวงแรงงาน ได้จัดทำรายละเอียดข้อมูลที่หน่วยงานของรัฐต้องเสนอพร้อมกับการขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 7 และมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ด้วยแล้ว โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้มาใช้สิทธิประมาณ 2,435 คน คิดเป็นเงินสิทธิประโยชน์ที่จะจ่ายให้ในกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย อันเกิดจากการสู้รบบริเวณชายแดนมีจำนวนประมาณ 23.4 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับเงินกองทุนกรณีว่างงานที่มีเงินลงทุนสะสมรวมประมาณ 188,797 ล้านบาท ดังนั้น ในภาพรวมของการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานในคราวนี้ จึงไม่มีผลทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายกับเงินกองทุนประกันสังคมกรณีว่างงานอย่างมีนัยสำคัญ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles