น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบและรับทราบแนวนโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปี 2569-2571 ตามที่คณะกรรมการนโยบายอาหารเสนอ เพื่อให้ภาคปศุสัตว์และอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของประเทศมีวัตถุดิบเพียงพอ มั่นคง และสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
ทั้งนี้ ประเทศไทยยังมีการผลิตกากถั่วเหลือง และปลาป่นในปริมาณจำกัด ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในภาคปศุสัตว์ และสัตว์น้ำ รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์จากต่างประเทศเพิ่มเติมทุกปี โดยคงมาตรการนำเข้าในทุกกรอบการค้าเหมือนปี 68 ยกเว้นในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อผูกพันทางการค้า
สำหรับกากถั่วเหลือง ครม. เห็นชอบให้กำหนดนโยบายการนำเข้าคราวละ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2569-2571
– ภายใต้กรอบ WTO ในโควตา เก็บภาษี 2% และเปิดให้ผู้นำเข้าที่ได้รับสิทธิจำนวน 11 ราย เช่น สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ สมาคมผู้เลี้ยงไก่และสุกร
– เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ภาษี 0%
– ประเทศนอกความตกลง ภาษี 6% พร้อมค่าธรรมเนียมพิเศษตันละ 2,519 บาท
ทั้งนี้ ผู้มีสิทธินำเข้าต้อง รับซื้อกากถั่วเหลืองที่ผลิตในประเทศในราคาขั้นต่ำตามที่กำหนด เพื่อช่วยเหลือโรงงานสกัดน้ำมันถั่วเหลือง และเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองไทย
สำหรับปลาป่น ยังคงมาตรการนำเข้าเช่นเดิม โดยแบ่งเป็น
– ปลาป่นโปรตีนต่ำกว่า 60% ต้องขออนุญาตนำเข้า
– ปลาป่นโปรตีน 60% ขึ้นไป สามารถนำเข้าได้โดยไม่จำกัดปริมาณ
ทั้งนี้ ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีส่วนใหญ่เก็บภาษีระหว่าง 0-5% ยกเว้นประเทศนอกความตกลงที่เก็บสูงสุด 15%
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เห็นชอบในหลักการ โดยสภาพัฒน์เสนอเพิ่มเติมให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาการปลูกถั่วเหลืองในประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางอาหาร และลดการพึ่งพาการนำเข้าในอนาคต โดยรัฐบาลมั่นใจว่า แนวนโยบายนี้จะช่วยให้อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของไทยมีเสถียรภาพ วัตถุดิบเพียงพอ ราคาเป็นธรรมต่อเกษตรกร และเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ด้านอาหารของประเทศ”