นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต ว่า สำหรับการลงทะเบียนประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 จะดำเนินการ ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” บนสมาร์ทโฟน โดยไม่มีการจำกัดจำนวนประชาชนที่จะเข้าร่วมใช้สิทธิ์ในโครงการฯ ดังนั้น ประชาชนทุกคนที่มาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการและมีคุณสมบัติครบถ้วน ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งรัฐบาลได้ประมาณการไว้จำนวน 45 – 50 ล้านคน
ส่วนการลงทะเบียนประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการให้เข้าร่วมโครงการฯ ได้ในระยะต่อไป โดยจะให้มีการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนด (ระหว่างวันที่16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2567) ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติ สถานะบุคคล และที่อยู่ตามทะเบียนบ้านเช่นเดียวกับกลุ่มผู้มีสมาร์ทโฟน
ขณะที่ การลงทะเบียนร้านค้า ในเบื้องต้นกำหนดไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งจะมีการแถลงข่าวเพิ่มเติมเพื่อแจ้งเกี่ยวกับคุณสมบัติของร้านค้า ช่องทางและวิธีการสมัครเข้าร่วมโครงการฯ และเงื่อนไขอื่น ๆ ให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ เริ่มใช้จ่ายได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2567
รายละเอียดของโครงการฯ เพิ่มเติม ดังนี้
1. คุณสมบัติประชาชน ดังนี้
1.1 ประชากรที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
1.2 สัญชาติไทย
1.3 มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ปิดรับลงทะเบียน (15 กันยายน 2567)
1.4 ไม่เป็นผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 256566
1.5 ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 500,000 บาท
โดยตรวจสอบข้อมูลเงินฝาก 6 ประเภท ได้แก่
(1) เงินฝากกระแสรายวัน
(2) เงินฝากออมทรัพย์
(3) เงินฝากประจำ
(4) บัตรเงินฝาก
(5) ไบรับเงินฝาก
และ (6) ผลิตภัณฑ์เงินฝากในชื่อเรียกอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกับข้อ (1) – (5)
ทั้งนี้ เงินฝากดังกล่าวให้หมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึง
เงินฝากในบัญชีร่วม และเป็นเงินฝาก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567
1.6 ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ
1.7 ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรกร/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
1.8 ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
ขั้นตอนการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
3.1 รูปแบบที่ 1 การยืนยันตัวตนและลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”
ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567
3.2 รูปแบบที่ 2 การยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” มาก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2567 แล้ว
จึงค่อยมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567
ซึ่งจะทำให้คงเหลือขั้นตอนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม เป็นต้นไป ที่ง่ายและรวดเร็วกว่า
ดังนั้น จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนเตรียมการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และ ทำการยืนยันตัวตนล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้โดยตรงจากแอปพลิเคชัน “App Store” สำหรับระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) และแอปพลิเคชัน “Goode Play” สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) บนโทรศัพท์สมาร์ตโฟน
ส่วนข้อสงสัยเกี่ยวกับร้านค้าและการใช้จ่ายของประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการกระทรวงการคลังชี้แจงดังนี้
Q : ร้านค้ากังวลปัญหาถูกตรวจสอบภาษี หากร่วมโครงการฯ
A : โครงการนี้ไม่มีการส่งข้อมูลให้กับกรมสรรพากร แต่ร้านค้าที่จะขึ้นเงินได้ ต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีเท่านั้น จึงอยากให้ภาคเอกชนเข้ามาอยู่ในระบบ จะสามารถประกอบธุรกิจได้ถูกต้อง และปลอดภัย
Q : ความพร้อมของแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ“
A : ขณะนี้ ยังไม่เปิดให้ยืนยันการรับสิทธิในโครงการฯ แต่ประชาชนสามารถเข้าแอปฯ แล้วยืนยันตัวตนไว้ก่อนได้ จากนั้นเมื่อถึงวันที่ 1 ส.ค. จะเปิดปุ่มให้ลงทะเบียนตรวจสอบสิทธิ เพื่อให้ประชาชนเช็คว่ามีสิทธิหรือไม่ โดยเปิดให้ลงทะเบียนได้ 24 ชั่วโมง
Q : การใช้จ่ายเงินของประชาชนที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง
A : ผู้ป่วยติดเตียง จะใช้ขั้นตอนการลงทะเบียนรับสิทธิเหมือนกลุ่มปกติ ทั้งกลุ่มที่มีสมาร์ทโฟน หรือไม่มีสมาร์ทโฟน แต่กระบวนการใช้จ่ายเงินนั้น จะมีการเปิดช่องทางเป็นกรณีพิเศษสำหรับกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งจะมีความรัดกุมของระบบมากขึ้นด้วย โดยจะแถลงรายละเอียดในครั้งที่ 3 ซึ่งจะชี้แจงวิธีการใช้จ่ายเงินในกลุ่มต่าง ๆ
Q : การลงทะเบียนกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน และร้านค้า
A : ในกรณีของกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน และการลงทะเบียนร้านสะดวกซื้อที่จะร่วมโครงการฯ เช่น ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และร้านซีเจ มอร์นั้น คาดว่าประมาณกลางเดือน ก.ย. รัฐบาลจะมีการแถลงรายละเอียดในกลุ่มนี้อีกครั้งว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร
ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเตรียมการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯได้ที่เว็บไซต์ www.digtalwallet.go.th หรือพิมพ์เป็นภาษาไทยว่า www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย หรือสามารถสอบถามผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Call Center) สายด่วน โทร. 11111111 พร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาแก่ประชาชนแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป