คลังเปิดผลรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เตรียมเสนอ ครม. เคาะอนุมัติ คาดได้ข้อสรุปภายในเดือน ต.ค.นี้

คลังเปิดผลรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เตรียมเสนอ ครม. เคาะอนุมัติ คาดได้ข้อสรุปภายในเดือน ต.ค.นี้

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … ตั้งแต่วันที่ 2-18 ส.ค. 67 จากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนทั่วไป ผ่านทางเว็บไซต์ของ สศค. และผ่านระบบกลางของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ซึ่ง สศค. ได้สรุปผลความคิดเห็นในประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้

  1. ชื่อของร่าง พ.ร.บ. มีความเห็นว่าชื่อร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจร มีความหมายกว้างเกินไป ไม่สะท้อนเป้าหมายหลักของกฎหมาย จึงเสนอให้แก้ไขชื่อเป็น “ร่าง พ.ร.บ.สถานประกอบการท่องเที่ยวครบวงจร” (Integrated Resort Act) เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการของประเทศอื่น ที่มองกิจการประเภทนี้ว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และน่าจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ในเชิงบวกต่อโครงการได้มากกว่า
  2. โครงสร้างและการบริหารจัดการของคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร โดยในร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจร ที่มีการกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีรองนายกฯ เป็นรองประธาน และมีกรรมการโดยตำแหน่ง 9 คน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 6 คน กำหนดให้คณะกรรมการฯ มีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดนโยบายของสถานบันเทิงครบวงจรทั้งหมด ทั้งในส่วนของการบริหารจัดการ การป้องกันแก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบ การกำหนดจำนวนใบอนุญาต และพื้นที่ประกอบการ ตลอดจนหลักเกณฑ์เงื่อนไขการขออนุญาต และเลิกประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ประเภทกิจการที่อาจดำเนินการได้ เวลาเปิด-ปิด หลักเกณฑ์ผู้ถือหุ้น การพิจารณาต่ออายุหรือเพิกถอนใบอนุญาต เป็นต้น ซึ่งมีความเห็นว่าคณะกรรมการฯ มีอำนาจมากเกินไป โดยควรกำหนดให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหาร หรือมีการกำหนดหลักเกณฑ์ของการประกอบสถานบันเทิงครบวงจรไว้ในร่าง พ.ร.บ.เลย
  3. ประเภทธุรกิจในสถานบันเทิงครบวงจร เสนอให้กำหนดเพิ่มจากการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.อย่างน้อย 4 ประเภท เป็น 7 ประเภท (ในบัญชีแนบท้าย ประกอบด้วยประเภทธุรกิจต่างๆ ดังนี้ (1)ห้างสรรพสินค้า (2)โรงแรม (3)ร้านอาหาร ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ หรือบาร์ (4)สนามกีฬา (5)ยอร์ช และครูซซิ่งคลับ(6)สถานที่เล่นเกม (7)สระว่ายน้ำและสวนน้ำ (8)สวนสนุก (9)พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP (10)กิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนด)
  4. ภาษี ซึ่งมีการเสนอให้กำหนดอัตราภาษีจากการพนันให้ชัดเจน เพื่อประกอบการตัดสินของผู้ประกอบการ, กำหนดการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับผู้ประกอบการไว้อย่างชัดเจน และไม่ควรเก็บภาษีเงินได้จากผู้เล่น ทั้งที่เป็นคนไทย และคนต่างชาติ และควรกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ผู้ประกอบการ เช่น ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ผู้รับใบอนุญาตในช่วง 10 ปีแรก
  5. การคัดเลือก และสัดส่วนผู้ถือหุ้นของผู้รับใบอนุญาต กระบวนการคัดเลือกผู้รับใบอนุญาต ควรเปิดประมูลโดยชอบธรรม และเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนได้ ,กำหนดสัดส่วนของผู้ถือหุ้นไทยให้ชัดเจน เช่น สัดส่วนผู้ถือหุ้นไทย ควรมีอย่างน้อย 30-51% เพื่อสนับสนุนให้เอกชนในไทยมีรายได้มากยิ่งขึ้น, ควรกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาต เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่จดทะเบียนในไทย เพื่อป้องกันนอมินีต่างชาติ และควรกำหนดอายุใบอนุญาตไว้
  6. อายุ-จำนวนใบอนุญาต มีความเห็นทั้งฝ่ายที่มองว่าการกำหนดอายุใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่ 30 ปีนั้น นานเกินไป ควรลดเหลือเพียง 10 ปี ในขณะที่บางฝ่ายมองว่า ใบอนุญาต 30 ปีสั้นเกินไป โดยสามารถต่ออายุได้อีก 30 ปี หรือกำหนดให้ใบอนุญาตมีอายุ 50-60 ปี และควรกำหนดให้ชัดเจนในร่าง พ.ร.บ. แต่ไม่ควรกำหนดให้มีใบอนุญาตมากเกินไป เช่น ไม่เกิน 3-7 ราย อีกทั้งควรกำหนดว่าในแต่ละพื้นที่มีใบอนุญาตได้กี่ใบ เช่น ในกรุงเทพฯ ไม่เกิน 2-3 ราย และนอกกรุงเทพฯ ไม่เกิน 5-7 ราย
  7. สถานที่ตั้ง-การเก็บค่าธรรมเนียมเข้ากาสิโน ควรกำหนดพื้นที่ให้ชัดเจนใน พ.ร.บ. เช่น ต้องมีที่ตั้งนอกเขตกรุงเทพฯ และปริมลฑล เพื่อกระจายรายได้ และควรกระจายไปยังภูมิภาคที่มีศักยภาพในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง หัวหิน หรือ กทม. อย่างไรก็ตาม ใน พ.ร.บ. มีการกำหนดค่าธรรมเนียมการเข้าเล่นกาสิโนของคนไทยไว้สูงเกินไปที่ 5,000 บาท ซึ่งควรกำหนดไว้ที่ 1,000-2,000 บาท และควรกำหนดค่าธรรมเนียมไว้คงที่สำหรับการเข้าเล่นของคนไทย เป็นระยะเวลา 10 ปี โดยเป็นอัตราเดียวกันทั่วประเทศ
  8. พื้นที่กาสิโน โดยควรกำหนดพื้นที่การเล่นให้ชัดเจน ไม่มากหรือน้อยเกินไป โดยควรกำหนดสัดส่วนของพื้นที่กาสิโนไว้ที่ 5-20% และพื้นที่กาสิโน ควรเปิดทำการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  9. ประเภทของกาสิโน ควรกำหนดให้คณะกรรมการนโยบายฯ มีอำนาจกำหนดการเล่นชนิดอื่นเพิ่มเติมได้ เช่น มวย, ม้า และศึกษาประเภทของกาสิโนที่เล่นในต่างประเทศเทียบเคียงด้วย ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องกำหนดห้ามการพนันออนไลน์ในร่าง พ.ร.บ. เนื่องจากการกระทำดังกล่าว ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการพนันอยู่แล้ว
  10. การจัดตั้งกองทุนเพื่อเยียวยาผลกระทบทางสังคม มีการตั้งข้อสังเกตว่า สถานบันเทิงครบวงจรอาจกลายเป็นแหล่งของการฟอกเงิน นอกจากนี้ อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านสังคม เช่น การติดพนัน ครอบครัวแตกแยก ปัญหาอาชญากรรม และความสงบเรียบร้อยของประเทศ และเสนอให้มีกองทุนเพื่อเยียวยาผลกระทบทางสังคม

โดยก่อนหน้านี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ระบุว่า การพิจารณาหาข้อสรุปร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่อง Entertainment Complex คาดว่าจะมีข้อสรุปภายในเดือนต.ค.นี้ ก่อนนำรายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบความคืบหน้าต่อไป

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles