นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานงานมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่นประจำปี 2566 ว่าจากกรณีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะเสนอขอให้ทบทวนวงเงิน 1.5 แสนล้านบาทใหม่ ด้วยการขยายกรอบวงเงินเพิ่มขึ้น เพื่อนำมาช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าครองชีพประชาชน ซึ่งขณะนี้เหลือวงเงินอยู่ 3-4 หมื่นล้านบาทนั้น ต้องให้ถึงเวลาแล้วมาหารือกับกระทรวงการคลังได้ แต่ขณะนี้ยังมีเงินเหลืออยู่และเพียงพอต่อการอุดหนุนราคาน้ำมัน
ส่วนมาตรการภาษีลดภาษีน้ำมันดีเซลที่จะสิ้นสุดในวันที่ 19 เมษายน 2567 นั้น ต้องพิจารณาการจัดเก็บรายได้ของรัฐด้วย หากรัฐสามารถจัดเก็บรายได้เป็นไปตามเป้าหมาย หรือเกินเป้าหมายเพียงเล็กน้อย ก็อาจสามารถช่วยพยุงราคาน้ำมันได้อีกระยะหนึ่ง แต่หากการจัดเก็บรายได้รัฐไม่เป็นไปตามเป้า จะส่งผลกระทบต่อฐานะเงินคงคลัง ฉะนั้น ต้องดูเรื่องการจัดเก็บรายได้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นห่วงเงินคลัง โดยเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ปีนี้อยู่ที่ 2.78 ล้านล้านบาท
นายกฤษฎา กล่าวว่าต้องพยายามบริหารการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะกำหนดเป้าไว้สูง เนื่องจากตอนประเมินการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2567 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3.8-3.9% ต่อปี ขณะที่สถานการณ์ล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจจริงของปี 2566 โตเพียง 1.8-19% เท่านั้น จากที่เคยประเมินกันไว้ว่า 2.5% ซึ่งจะส่งผลต่อการจัดรายได้ปีนี้แน่นอน โดยการจัดเก็บรายขณะนี้ยังเกินเป้ามาได้แบบปริ่มๆ
