นายเดวิด เรนนี หัวหน้าแผนกแบรนด์กาแฟ เนสท์เล่ ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า บริษัทเนสท์เล่เตรียมแผนตัดลดต้นทุน และเพิ่มรายได้ในการผลิต กาแฟ ด้วยการลดขนาดกาแฟผงสำเร็จรูปและกาแฟแคปซูล สาเหตุจากต้นทุนของวัตถุดิบเมล็ดกาแฟถีบตัวสูงขึ้นมาก ในขณะเดียวกัน ทำการขึ้นราคาขายกาแฟแบรนด์เนสกาแฟ และเนสเพรสโซ
สำหรับกลยุทธ์การปรับขึ้นราคาขายของเนสท์เล่ ได้เริ่มมานับตั้งแต่ปี 2022 ด้วยการขึ้นราคากาแฟมา 2 ครั้ง ในขณะที่เนสท์เล่มีความได้เปรียบจากการมีผลิตภัณฑ์สในพอร์ตเป็นจำนวนมากมาย ทำให้มีการพึ่งพากลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟน้อยกว่าคู่แข่งบางราย
โฆษกบริษัทเนสท์เล่ ชี้แจงเหตุผลว่า ตั้งเป้าหมายที่จะดึงดูดลูกค้าเพิ่มมากขึ้นด้วยการขนาดบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น กาแฟผสมขนาดเล็กสำหรับชงครั้งเดียว และแบบเติมซ้ำ หรือรีฟิลนั้น จะมีราคาที่หลากหลาย นอกจากนั้น เทคโนโลยีการสกัดเมล็ดกาแฟใหม่ของเนสท์เล่จะสามารถสกัดกาแฟออกมาจากเมล็ดกาแฟได้มากขึ้น และส่งผลกระทบต่อคุณภาพของกาแฟเนสท์เล่
ปัจจัยของวัตถุดิบเมล็ดกาแฟในในปีนี้ที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้น มาจากบราซิลและเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศผู้ปลูกกาแฟรายใหญ่ของโลก ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้าย ส่งผลต่อการผลิตเมล็ดกาแฟไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาด ขณะนี้ ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดกาแฟพันธุ์อราบิก้ามีราคาเพิ่มขึ้นแลถึง 50% สอดคล้องกับราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดกาแฟโรบัสต้าที่เพิ่มขึ้นถึง 65%