นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาท เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.93 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” ระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.94 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.90-34.10 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ sideways ใกล้โซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 33.91-34.06 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าลงทะลุโซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ตามการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ที่ได้แรงหนุนจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ คาดการณ์ครั้งที่ 2 ของอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาส 2 รวมถึง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ที่ออกมาดีกว่าคาด
เงินบาทยังคงไม่สามารถอ่อนค่าต่อเนื่องได้หลังราคาทองคำ (XAUUSD) ก็สามารถทยอยรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่อง เข้าใกล้โซนแนวต้าน 2,520-2,530 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อมั่นว่า เฟดอาจมีโอกาสทยอยลดดอกเบี้ยได้ราว -100bps ในปีนี้ (เราคาดว่า ตลาดอาจเปลี่ยนมุมมองได้ หากรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันที่ 6 กันยายน ออกมาดีกว่าคาด) อีกทั้ง ราคาทองคำก็ยังพอได้แรงหนุนจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ ซึ่งการปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้านดังกล่าวของราคาทองคำก็เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
แนวโน้มค่าเงินบาท ยังงมุมมองเดิมว่า เงินบาทอาจยังคงแกว่งตัว sideways แถวโซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเราคาดตลาดการเงินจะมีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากขึ้น หลังรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันที่ 6 กันยายน อย่างไรก็ดี ในช่วงระหว่างวันนี้ ควรระวังความผันผวนของตลาดตามการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลัก ทั้ง ECB และ เฟด หลังผู้เล่นในตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อของทั้งฝั่งสหรัฐฯ และยูโรโซน รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB
โดยในกรณีที่ บรรดาเจ้าหน้าที่ ECB ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม รวมถึงอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน ก็ชะลอลงมากกว่าคาด จนทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มคาดหวังว่า ECB อาจลดดอกเบี้ยได้อีกราว -75bps ในปีนี้ ก็อาจกดดันให้เงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลงได้บ้าง เนื่องจากล่าสุด ผู้เล่นในตลาดยังไม่มั่นใจมากนัก ว่า ECB จะสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว -75bps ทั้งนี้ เรามองว่า ตราบใดที่ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปรับตัวขึ้นต่อได้ เงินยูโร (EUR) ก็อาจยังพอได้แรงหนุนและไม่สามารถอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้ปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้านสำคัญ ซึ่งเป็นจุดสูงสุด All time high เพิ่มความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นยุโรปอาจปรับตัวลงได้ไม่ยาก หากเผชิญปัจจัยกดดัน
นอกจากนี้ เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ เช่นกัน ทั้งนี้ เงินบาทก็อาจผันผวนไปตามโฟลว์ธุรกรรมทองคำได้เช่นกันในช่วงนี้ โดยเราคงมองว่า ราคาทองคำอาจยังขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ เพิ่มเติม ทำให้ราคาทองคำก็อาจยังคงติดโซนแนวต้านและมีโอกาสที่จะย่อตัวลงได้บ้าง ซึ่งเราเชื่อว่าผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจังหวะเข้าซื้อในช่วงราคาทองคำย่อตัวลง และรอทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ โดยประเมินว่า เงินบาทจะมีโซนแนวต้านแรกแถว 34.05-34.10 บาทต่อดอลลาร์ และจะมีโซนแนวต้านถัดไปแถว 34.20 ขณะที่โซนแนวรับของเงินบาทดูจะอยู่ในช่วง 33.90 บาทต่อดอลลาร์ และมีแนวรับถัดไปแถว 33.75-33.80 บาทต่อดอลลาร์