ค่าเงินบาทวันนี้ อ่อนค่าลงเล็กน้อย  ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินดอลลาร์ แรงหนุนบอนด์ยีลด์ปรับขึ้น

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดที่ระดับ  32.75 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  32.60 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.55-32.85 บาทต่อดอลลาร์  โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในลักษณะ Sideways Up หรือ ทยอยอ่อนค่าลงบ้าง (กรอบการเคลื่อนไหว 32.59-32.81 บาทต่อดอลลาร์) ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ ที่ได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งมีส่วนกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) พลิกกลับมาอ่อนค่าลงทะลุระดับ 144.50 เยนต่อดอลลาร์อีกครั้ง  

ขณะเดียวกัน เงินยูโร (EUR) ก็กลับมาอ่อนค่าลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรการปรับตัวขึ้นของหุ้นธีม China-Recovery Optimism (ความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน) ออกมาบ้าง 

นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้กดดันให้ราคาทองคำมีจังหวะย่อตัวลงบ้าง เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันเงินบาทได้บ้าง 

สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท ประเมินว่า ในช่วงระหว่างวัน ก่อนที่ตลาดจะทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดและเจ้าหน้าที่ ECB เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways 32.55-32.85 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อนได้ โดยเรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทก็อาจชะลอลงบ้าง หลังเงินดอลลาร์เริ่มทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้น ตามการอ่อนค่าลงบ้างของบรรดาสกุลเงินหลัก นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดก็อาจเริ่มทยอยขายทำกำไรสถานะการลงทุนธีมความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนได้บ้าง ซึ่งจะช่วยชะลอการแข็งค่าของบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชียได้ ดังจะเห็นได้จากการที่เงินหยวนจีน (CNY) ก็ไม่ได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องชัดเจน (ผู้เล่นในตลาดก็ยังไม่ได้มั่นใจมากนักต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน) นอกจากนี้ ภาพดังกล่าวก็อาจส่งผลกระทบให้บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยขายทำกำไรสถานะถือครองสินทรัพย์ไทยได้บ้าง อย่างไรก็ดี ตราบใดที่ราคาทองคำยังพอมีจังหวะปรับตัวสูงขึ้น เข้าใกล้จุดสูงสุดก่อนหน้าที่ทำไว้ เงินบาทก็อาจยังไม่สามารถอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ชัดเจน และอาจยังเห็นเงินบาทติดอยู่แถวโซนแนวต้าน 32.80 บาทต่อดอลลาร์ได้

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนของตลาดค่าเงิน ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB โดยเราคงกังวลว่า ผู้เล่นในตลาดอาจทยอยปรับลดความคาดหวังต่อการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดได้บ้าง หากบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างย้ำจุดยืนทยอยลดดอกเบี้ยตาม Dot Plot ล่าสุด นอกจากนี้ ควรระวังการปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยของฝั่ง ECB เช่นกัน หลังผู้เล่นในตลาดยังไม่ได้คาดหวังว่า ECB จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้พอสมควร ทว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนในระยะหลังนี้ ก็ออกมาไม่สดใสและสะท้อนภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น และที่สำคัญ เราขอย้ำมุมมองเดิมว่า ในเชิง Valuation การแข็งค่าของเงินบาทมากกว่าโซน 33 บาทต่อดอลลาร์ โดยเฉพาะโซนแข็งค่าเกิน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ถือว่า เป็นระดับที่ Overvalued (Z-Score ของดัชนีค่าเงินบาท REER เกินระดับ +0.5) ซึ่งหากปัจจัยพื้นฐานไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เงินบาทก็ไม่ควรแข็งค่าเกินระดับดังกล่าวไปมากนัก ทำให้ผู้ประกอบการอย่างฝั่งผู้นำเข้าควรเตรียมพร้อมปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles