นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดที่ระดับ 32.93 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 19 เดือน เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่งง.06 บาทต่อดอลลาร์ โดยมองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.60-33.30 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.80-33.00 บาทต่อดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี PMI ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก)
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทสามารถแข็งค่าขึ้นทะลุแนวรับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมิน ตามการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟด แรงซื้อสินทรัพย์ไทยและโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ
โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น จนทะลุโซนแนวรับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้ได้สำเร็จ (แกว่งตัวในกรอบ 32.90-33.15 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All-Time High) ได้ ขณะที่ ราคาทองคำยังพอได้แรงหนุนจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังคงร้อนแรงอยู่ ขณะเดียวกันผู้เล่นในตลาดต่างคงคาดหวังว่าเฟดจะสามารถเร่งลดดอกเบี้ยได้มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท มองว่าโมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทนั้นยังมีอยู่ แต่เราเริ่มเห็นโอกาสที่เงินบาทอาจชะลอการแข็งค่าขึ้น หากเงินดอลลาร์รีบาวด์ขึ้นจริง รวมถึงนักลงทุนต่างชาติก็เริ่มทยอยขายทำกำไรสถานะถือครองสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้นไทย
ส่วนราคาทองคำก็อาจไม่ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางไม่ได้ร้อนแรงขึ้นชัดเจน อีกทั้ง ในเชิง valuation เงินบาทเริ่มเข้าสู่โซน Slightly Overvalued
ในส่วนเงินดอลลาร์อาจรีบาวด์ขึ้นบ้าง หากรายงานดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าข้อมูลจากประเทศเศรษฐกิจหลักอื่นๆ หรือ ในกรณีที่บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างประเมินภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้เลวร้ายนัก พร้อมย้ำจุดยืนทยอยลดดอกเบี้ยในลักษณะที่ใกล้เคียงหรือสอดคล้องกับคาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายล่าสุด (Dot Plot) โดยเน้นประเมินสถานการณ์แต่ละการประชุม (Data Dependent) ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินให้เหมาะ