ดัชนีตลาดหุ้นเอ็มเอสซีไอ (MSCI) ตลาดหุ้นเกิดใหม่ ซึ่งเป็นค่าดัชนีที่สะท้อนถึงภาวะตลาดหุ้นทุกประเทศในตลาดเกิดใหม่ ปรากฏว่าวันนี้ 7 เมษายน 2025 ร่วมดำดิ่งมาถึง -7.3% ส่งผลทำสถิติดำดิ่งเร็วหนักใน 1 วันที่เลวร้ายที่สุดใน 17 ปี นับตั้งแต่ปี 2008 หรือตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจการเงินโลกในสหรัฐอเมริกา ที่สำคัญ นับตั้งแต่ต้นปี 2025 นี้มาถึงวันนี้ ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่กลายเป็นศูนย์ หลังจากตลาดหุ้นสำคัญและมีขนาดใหญ่ในเอเชียล้วนปิดตลาดดำดิ่งลงอย่างรุนแรง เริ่มตั้งแต่ตลาดหุ้นจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น
ในวันนี้ 7 เมษายน 2025 ดัชนีหุ้นนิกเคอิ 225 ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ดำดิ่งแรงอีกถึง -2,644 จุด หรือ -7.83% ปิดที่ระดับ 31,136 จุด ทำสถิติต่ำสุดระหว่างวันในรอบ 1 ปี 5 เดือนผ่านมา หรือนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 ด้านตลาดหุ้นจีน ปรากฏว่า ดัชนีหุ้นเซินเจิ้น คอมโพสิท อินเด็กซ์ ปิดที่ระดับ 9,364 จุด ดำดิ่ง -1,001 จุด หรือ -9.66% ดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิท อินเด็กซ์ ปิดที่ระดับ 3,096 จุด ดำดิ่ง -245 จุด หรือ -7.34% ดัชนีหุ้นฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดที่ระดับ 19,841 จุด ดำดิ่ง -3,008 จุด หรือ -13.17% ตลาดหุ้นไต้หวัน ดัชนีหุ้นไต้หวัน เวทเต็ด อินเด็กซ์ ปิดที่ระดับ 19,232 จุด ดำดิ่ง -2,065 จุด หรือ -9.70%
ดัชนีหุ้นคอสปี้ (Kospi) ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดที่ระดับ 2,328 จุด ดำดิ่ง -137 จุด หรือ -5.57% ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ดัชนีหุ้นเอเอสเอ็กซ์ 200 ปิดที่ระดับ 7,343 จุด ดำดิ่ง -324 จุด หรือ -4.23% ตลาดหุ้นนิวซีแลนด์ ดัชนีหุ้นเอ็นแซดเอ็กซ์ 50 ปิดที่ระดับ 11,775 จุด ดำดิ่ง -449 จุด หรือ -3.68%
สาเหตุจากนักลงทุนยังคงสูญเสียและขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ อย่างต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่แล้วซึ่งเกิดภาวะการถล่มเทขายหุ้นใน 2 วันทำการติดต่อกัน ซึ่งได้แก่ วันพฤหัสบดีที่ 3 และวันศุกร์ที่ 4 เมษายน จากพผลพวงของสงครามภาษีทั่วโลกนำโดยจีนประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าสูงถึง 34% กับสหรัฐอเมริกาที่จะมีผลในวันที่ 10 เมษายนนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยสรุปคือ รัฐบาลสหรัฐไม่มีการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเก็บอัตราภาษีดังกล่าว
ขณะที่มูลค่าความเสียหายของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 3 ถึงวันศุกร์ที่ 4 เมษายน 2025 ที่ผ่านมา มีมูลค่าความเสียหายรวมกันทั้งสิ้น 7.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 255.3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ เสียหายรวม 5.87 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 202.5 ล้านล้านบาท และที่เหลือเป็นของตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลกรวม 1.59 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 54.9 ล้านล้านบาท