จากกรณีที่วานนี้ (10 ก.ค. 67) มีรายงานว่า อาจจะมีการปรับราคา ดีเซล ขึ้น 1 บาทต่อลิตร ทำให้เพดานราคาใหม่จะไม่เกิน 34 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 เป็นต้นไป หลังจะครบกำหนดเพดานราคาดีเซลไม่เกิน 33 บาท/ลิตร ในวันที่ 31 ก.ค. 2567 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)เพื่อรักษาสภาพคล่องให้กับกองทุนที่สถานะล่าสุด ณ วันที่ 7 ก.ค.2567 ที่ติดลบ 111,595 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 63,944 ล้านบาท และบัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) หรือก๊าซหุงต้มติดลบ 47,651 ล้านบาท
เนื่องจากปัจจุบัน ราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกยังมีความผันผวนสูง ช่วงเดือนที่ผ่านมา แนวโน้มลดลงบ้าง จนกองทุนลดอุดหนุนระดับ 4 บาท/ลิตร จนสามารถเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซลเข้ากองทุนได้สำเร็จ
แต่ขณะนี้ แนวโน้มกลับมาขึ้นอีกครั้ง ทำให้กองทุนต้องอุดหนุนกว่า 2 บาท/ลิตร ซึ่งหากไม่ปรับราคาดีเซลขึ้นหลังวันที่ 31 ก.ค.นี้ อาจทำให้สถานการณ์กองทุนติดลบรุนแรง
ทั้งนี้ มีแนวทางแก้ไข 2 ทาง คือ1. ขอใช้งบกลางปี 2567 วงเงิน 6,500 ล้านบาท แบ่งเป็นสำหรับใช้ดูแลดีเซล 6,000 ล้านบาท และแอลพีจี 500 ล้านบาท เป็นตามที่ครม.อนุมัติไว้ภายใต้เงื่อนไขให้ใช้กลไกกองทุนดูแลไปพลางก่อน แต่เบื้องต้นได้รับการประสานอย่างไม่เป็นทางการว่างบกลางฯ มีจำกัด อาจไม่สามารถนำมาดูแลราคาดีเซล และแอลพีจีได้ 2. เสนอให้กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลลงในอัตราที่เหมาะสม แต่ท่าทีของกระทรวงการคลังไม่ตอบรับเรื่องการลดภาษีดังกล่าว เพราะจำเป็นต้องจัดเก็บรายได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด ดังนั้น ทั้งสองแนวทางไม่น่าจะดำเนินการได้
สำหรับ ราคาน้ำมันโลกปรับขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลก มีดังนี้
–ตลาดไนเม็กซ์ นิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 0.69 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 82.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
–ตลาดเบรนท์ ลอนดอน เพิ่มขึ้น 0.42 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 85.08 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
–น้ำมันกลั่นสำเร็จรูป สิงคโปร์ ลดลง 1.37 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 100.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล