ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก รายงานว่า วันที่ 14 พฤศจิกายน 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกพบว่าราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 4,082.76 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -69.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.12% ส่งผลราคาทองปิดลง 2 วันติดกันรวม -126.22 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -3.22% ขณะที่ตอนเปิดตลาดทองคำดังกล่าวมีราคาดำดิ่งหนักแตะ 4,041.01 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -111.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -3.6%
สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 4,086.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -108.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.4% ส่งผลราคาทองคำปิดลง 2 วันรวมกัน -127.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.9% ขณะที่ตอนเปิดตลาดทองคำดังกล่าวมีราคาดำดิ่งหนักแตะ 4,043.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -151.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -3.6%
สาเหตุจากนับเป็นวันที่ 2 ต่อเนื่องที่นักลงทุนตัดสินใจขายทำกำไรจากการลงทุนในแทบทุกตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นนิวยอร์ก ตลาดเงินคริปโต ตลาดตราสารหนี้ รวมถึงตลาดเงินดอลลาร์สหรัฐ ล้วนถูกเทขายพร้อมกันทันทีที่เปิดตลาดซื้อขายในวันนี้ ด้านผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปีปรับเพิ่มสูงขึ้นถึง 3.5% ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าขึ้น
บรรดาผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟสในสาขาต่างๆล้วนออกมาแสดงความคิดเห็นหรือมุมมองเกี่ยวกับโอกาสในการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมครั้งสุดท้ายในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ เริ่มจาก นางแมรี่ ดาลี่ ผู้ว่าการเฟด สาขาซานฟรานซิสโกกล่าวว่าการตัดสินใจใดใดก็ตามที่ยังเหลือเวลาอีกประมาณสี่สัปดาห์ข้างหน้าซึ่งจะถึงการประชุมอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในปีนี้ยังคงเป็นสิ่งที่เร็วเกินไปที่จะพูดถึง ต่อมา นายนีล แคชคารี ผู้ว่าการเฟด สาขามินนาโพลิส กล่าวว่า ได้ตัดสินใจในแนวทางที่ไม่เห็นด้วยกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมครั้งครั้งสุดท้ายที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐมีความยืดหยุ่นและคล่องตัวสูง นอกจากนี้จะให้น้ำหนักความสำคัญอยู่ที่ภาวะอัตราเงินเฟ้อและภาวะการจ้างงานในสหรัฐอเมริกา
นางซูซาน คอลลินส์ ผู้ว่าการเฟด สาขาบอสตั้นกล่าวว่าตัวเธอเองมองเห็นข้อจำกัด และอุปสรรคที่มีมาก สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ ผลจากการที่เฟดไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับภาวะการจ้างงานในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผลจากภาวะรัฐบาลสหรัฐสหรัฐอเมริกาชดาวมาอย่างยาวนานถึงกว่า 40 วันนั้น ส่วนตัวจึงมีความลังเลใจ ที่จะตัดสินใจผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นต่อเนื่อง สำหรับอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวดูเหมือนว่า ยังมีความจำเป็นที่จะต้องคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด หรือ ซีเอ็มอี วอทช์ ในการประชุมเดือนธันวาคม 2025 ปรากฎว่า มีโอกาสลดลงมาอยู่ที่ 46% จากเดิมที่ระดับ 49% สะท้อนถึงนักลงทุนมีความไม่มั่นใจสูงขึ้นที่เฟสจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงต่อเนื่องเป็นครั้งที่สามติดต่อกันและมีความเป็นไปได้ที่เฟสจะชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจากที่หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่าจะมีการปรับลดลงถึงสามครั้งในช่วงที่เหลือตั้งแต่ครึ่งปีหลังจนถึงสิ้นปีนี้