ตลาดหุ้นสหรัฐคึกคักวันที่ 2 ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดพุ่ง 260 จุด นาสแดคทะยานกว่า 240 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 38,503 จุด +263 จุด หรือ +0.69% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,070 จุด +59 จุด หรือ +1.20% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 15,696 จุด +245 จุด หรือ +1.59%

ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสวนทาง +0.01%, -3.1% และ -5.5% ตามลำดับ ที่สำคัญ ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นนาสแดคปิดดำดิ่งอย่างหนัก ส่งผลให้ดัชนีดังกล่าวปิดดิ่งเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน จะส่งผลให้ดัชนีหุ้นนาสแดคครายสัปดาห์ทำสถิติร่วงตกต่ำยาวนานต่อเนื่องมากที่สุดในรอบ 1 ปี 4 เดือน หรือนับตั้งแต่ธันวาคม ปี 2022 เป็นต้นมา

สาเหตุจากสถานการณ์อิสราเอลกับอิหร่านไม่ตึงเครียด และอยู่ในวงจำกัด ขณะที่ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐสหรัฐอายุ 10 ปี เคลื่อนไหวระดับ 4.6% ยังทรงตัวในระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2023 เป็นต้นมา และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.03% ไม่มากนัก นักลงทุนรอการประกาศตัวเลขรายจ่ายส่วนบุคคลชาวอเมริกันที่จะประกาศในวันศุกร์ที่ 26 นี้ หากตัวเลขดังกล่าวลดลงต่ำกว่าคาดการณ์ สะท้อนถึงโอกาสเฟดจะลดดอกเบี้ยตามคาดการณ์ในปีนี้ แต่หากตัวเลขนี้สูงกว่าเป้าหมาย จะส่งผลต่อการชะลอลดดอกเบี้ยของเฟด

ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดจำนวนครั้งการลดดอกเบี้ยจาก 3 เหลือ 2 ครั้ง และคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ยลงครั้งแรกล่าช้าออกไปอีก 1 เดือนจากเดิมคาดว่าจะลดในเดือนมิถุนายนไปเป็นเดือนกรกฎาคม

ผู้ว่าการเฟด สาขามินนาโพลิส นายนีล แคชคารี่ กล่าวว่าถ้าหากความคืบหน้าของอัตราเงินเฟ้อที่ทยอยลดลงนั้น กลับไม่มีสัญญาณที่ดีอย่างที่คิดไว้ การลดดอกเบี้ยระยะสั้นอาจจะไม่จำเป็นในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่งขยายตัวได้ท่ามกลางดอกเบี้ยในระดับสูง ขณะที่ประธานเฟดยืนยันต้องมีข้อมูลที่เชื่อใจได้ว่าเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่องจริง ขณะที่ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแอตแลนต้า กล่าวว่า อาจมีการลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ ท่ามกลางมุมมองในตลาดทุนที่ประเมินว่าจะลดถึง 3 ครั้งด้านสถานการณ์ตึงเครียดสูงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านยังคงกดดันนักลงทุนให้เทขายหุ้นหนาตาต่อเนื่อง

ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ของเฟดในการประชุมเดือนมิถุนายน ปี 2024 อยู่ที่ 21% จากเดิมที่ระดับ 50% ขณะที่โอกาสดังกล่าวที่จะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 71%

ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles