ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 38,441 จุด -411 จุด หรือ -1.06% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,266 จุด -39 จุด หรือ -0.74% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 16,920 จุด -99 จุด หรือ -0.58% ส่งผลดัชนีหุ้นนาสแดคปิดหลุดระดับ 17,000 จุด หลังผ่านไปได้เพียงวันเดียวที่ขึ้นไปแตะ 17,000 จุด เป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ และยังปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่
ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสวนทางกัน -2.33%, +0.03% และ +1.41% ตามลำดับ ทำสถิติดัชนีหุ้นรายสัปดาห์ปิดเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบเกือบ 3 เดือน หรือตั้งแต่กุมภาพันธ์เป็นต้นมา นอกจากนี้ นับตั้งแต่ต้นปีมาถึงปัจจุบัน ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดทะยานขึ้น +6%, +11% และ +11% ตามลำดับ
สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่าขึ้น และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นอายุ 10 ปี ปิดพุ่งเหนือระดับ 4.6% นักลงทุนเพิ่มความกังวลในโอกาสลดดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ
ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ของเฟดในการประชุมเดือนกันยายนลดลงมาอยู่ที่ 59% จากเดิมที่ระดับ 65.7%
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ