ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 38,798 จุด -87 จุด หรือ -0.22% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,346 จุด -5 จุด หรือ -0.11% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,133 จุด -39 จุด หรือ -0.23% ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +0.29%, +1.32% และ +2.38% ตามลำดับ
สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นอายุ 10 ปี พลิกสูงขึ้น หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรในสหรัฐเมื่อเดือนพฤษภาคมเพิ่มสูงขึ้นถึง 272,000 คน ซึ่งเหนือกว่าที่คาดไว้มากที่น่าจะเพิ่มขึ้นที่ 185,000 คน ตัวเลขดังกล่าวสร้างความผิดหวังอย่างมากให้กับนักลงทุน ทำให้โอกาสที่จะเห็นการลดดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐต้องล่าช้ากว่าที่คาด อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานขยับเพิ่มขึ้นเป็น 4.0% จากที่ 3.9% ในเดือนเมษายน
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 37% ลดลงจากเดิมที่ระดับ 48% ในขณะที่ เริ่มมองว่าการลดดอกเบี้ยของเฟดครั้งแรกอาจเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน จากที่เคยให้น้ำหนักมาที่เดือนกันยายน
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ