ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 41,091 จุด -159 จุด หรือ -0.39% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,592 จุด -33 จุด หรือ -0.60% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,556 จุด -198 จุด หรือ -1.22% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +1.3%, +1.45% และ +1.4% ตามลำดับ
สาเหตุจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทเอ็นวีเดีย ซึ่งประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 โดยเฉพาะผลกำไรในภาพรวมที่ลดลง ทำให้ไม่ประทับใจนักลงทุนที่มีความคาดหวังสูงมาก ถึงแม้ว่าเอ็นวีเดียจะมีตัวเลขผลประกอบการด้านอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตทางธุรกิจก็ตาม ท่ามกลางปัจจัยบวกเมื่อวันศุกร์ผ่านไปของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด กล่าวแสดงมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐบนเวทีการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแคนซัส ซิตี้ ที่แจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง กล่าวว่า “เวลาได้มาถึงสำหรับการปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยนโยบาย ทิศทางมีความชัดเจน ห้วงเวลาและความรวดเร็วของการลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่กำลังมาถึง มุมมองที่แปรเปลี่ยนมากขึ้น และสมดุลของความเสี่ยง ความมั่นใจของผมเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่บนเส้นทางที่สม่ำเสมอในการกลับไปยังเป้าหมายที่ 2%
ก่อนหน้านึ้เมื่อวันจันทร์ที่ 5 สิงหาคมผ่านมา ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติดัชนีหุ้นตกต่ำเลวร้ายที่สุดในรอบ 1 ปี 10 เดือน หรือตั้งแต่กันยายน 2022 นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นนาสแดคปิดดำดิ่งกว่า 15% จากสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เมื่อเดือนกรกฎาคมผ่านมา ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นนาสแดคเข้าสู่ภาวะปรับฐานเป็นทางการ หรือ Correction
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในเดือนกันยายนถึง 0.5% อยู่ที่ 54% จากเดิมที่ 49% และลดดอกเบี้ยดังกล่าวลง 0.25% มีโอกาสอยู่ที่ 77.5% ขณะที่ โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในธันวาคมอยู่ที่ 72% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 50%