ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 40,974 จุด +38 จุด หรือ +0.09% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,520 จุด -8 จุด หรือ -0.16% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,084 จุด -52 จุด หรือ -0.30% เมื่อวันอังคารผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของการซื้อขายในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นทั้ง 3 แห่งทำสถิติร่วงหนักใน 1 วันที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 1 เดือน หรือตั้งแต่ 5 สิงหาคมผ่านมา
ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +1.3%, +1.45% และ +1.4% ตามลำดับ สิ้นสุดเดือนสิงหาคม ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +1.8%, +2.3% และ +0.7% ตามลำดับ โดยเฉพาะดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งถูกกระหน่ำเทขายอย่างรุนแรงในช่วงต้นเดือนสิงหาคม หรือเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม โดยทรุดตกต่ำลึกสุดของเดือนนี้ -5.4%, -7.3% และ -10.7% ตามลำดับ
สาเหตุจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นบริษัทเอ็นวีเดีย ซึ่งเป็นผู้นำและยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมผลิตไมโครชิป และเซมิคอนดักเตอร์ หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐยื่นฟ้องเอ็นวีเดียต่อกรณีการป้องกันการครอบงำตลาดไมโครชิป ส่งผลราคาหุ้นดิ่งเหวในวันอังคารหนักถึง -9% ฉุดมูลค่าบริษัทดำดิางถึง 279,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 9.76 ล้านล้านบาทภายในวันเดียว
นอกจากนี้ เดือนกันยายนในแต่ละปีผ่านมา มักจะเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นสหรัฐมีความผันผวนรุนแรง โดยเฉพาะจากสถิติที่เก็บย้อนหลังมาหลายทศวรรษ พบว่า ดัชนีหุ้นจะตกต่ำย่ำแย่ ซึ่งคาดการณ์ว่าดัชนีหุ้นจะทรุดลงมากถึง -5% ในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้