ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 38,225 จุด +322 จุด หรือ +0.85% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,064 จุด +45 จุด หรือ +0.91% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 15,840 จุด
+235 จุด หรือ +1.51% ในเดือนเมษายนผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดร่วง -5%, -4% และ -4% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดรายเดือนทำสถิติเลวร้ายที่สุดในรอบ 1 ปี 7 เดือน หรือตั้งแต่กันยายนปี 2022
สาเหตุจากนักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์มองว่าประธานธนาคารกลางสหรัฐได้ลดการส่งสัญญาณในลักษณะเชิงรุกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเป็นการส่งสัญญาณในการชะลอการลดดอกเบี้ยมากกว่าที่จะไม่พูดถึงการลดดอกเบี้ยเลย รวมถึงไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวอย่างที่กังวลจากตัวเลขเงินเฟ้อ การจ้างงาน และรายจ่ายส่วนบุคคลชาวอเมริกันล้วนเพิ่มสูงขึ้น
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐสหรัฐอายุ 10 ปี ปิดเพิ่มขึ้นและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่าขึ้น เนื่องจากนักลงทุนรอประกาศตัวเลขการจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคการเกษตรเดือนเมษายนในวันศุกร์นี้ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 240,000 คน ประเมินค่าจ้างแรงงานรายชั่วโมงจะเพิ่มขึ้น 4% และคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานจะคงที่ระดับ 3.8%
ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ของเฟดในการประชุมเดือนมิถุนายน ปี 2024 อยู่ที่ 21% จากเดิมที่ระดับ 50% ขณะที่โอกาสดังกล่าวที่จะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 71%
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ
