นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ธุรกิจบริการท่องเที่ยว หรือทัวร์ของผู้ประกอบการคนไทยกำลังเจอปัญหาใหญ่ เนื่องจากมีบริษัทที่เป็นทุนต่างชาติได้เข้าทำธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการจัดตั้งในรูปแบบนอมินีเป็นคนไทย จากนั้นทำตลาดด้วยการขายทัวร์ในราคาต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ทำให้กิจการทัวร์ของคนไทยแท้ๆ สู้ราคาไม่ได้ ซึ่งเรียกว่าทัวร์ทุบตลาด
นายศิษฎิวัชร กล่าวต่อไปว่า เกิดมาในชีวิตนี้ยังไม่เคยเจอแบบนี้ การทำทัวร์ทุบตลาดของทุนต่างชาติที่ใช้นอมินีคนไทยในขณะนี้ไม่เพียงมีความรุนแรงมากกว่าช่วงวิกฤตการณ์โรคโควิด-19 แต่ยังมีความสาหัสมากกว่าทัวร์ซื้อหัว (kick back) หรือทัวร์ศูนย์เหรียญที่เคยเห็นกันมา การกระทำอย่างนี้ไม่กี่คนจะทำให้ตลาดท่องเที่ยวในไทยพังหมด
บริษัทนอมินีเหล่านี้ จะทำตลาดด้วยการขายแพคเกจทัวร์ให้นักท่องเที่ยวด้วยการเสนอราคาห้องพักในโรงแรมเพียง 1,000-1,500 บาท ซึ่งในความเป็นจริงทำไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อมีคนสนใจจากราคาที่ถูกมากนั้น ก็จะเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย แต่หลังจากนั้นจะบังคับเชิงข่มขู่ลูกทัวร์ให้ซื้อสินค้า หรือใช้จ่ายเงินช้อปปิ้งในจำนวนเงินตามที่บริษัทนอมินีกำหนดไว้ เช่น ต้องใช้จ่ายเงินประมาณ 70,000 ถึง 100,000 บาท การใช้ราคาขายทัวร์ถูกอย่างไม่เคยมีมาก่อน เพื่อจูงใจให้คนต่างชาติสนใจซื้อทัวร์นั้นนับเป็นการทุบตลาดให้ผู้ประกอบการเดิมอยู่ไม่ได้ก่อน จากนั้นบริษัทนอมินีเหล่านี้จะเข้ามาครองตลาดเต็มตัว แล้วปรับราคาขายทัวร์ขึ้นภายหลัง ซึ่งผลกระทบที่รุนแรงเกิดขึ้นกับท่องเที่ยวไทย ที่นักท่องเที่ยวคิดว่าไทยเป็นประเทศที่เที่ยวได้ในราคาถูกมากๆ ขณะนี้ ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในกลุ่มประเทศจีน อินเดีย และรัสเซีย จุดนี้กระทบต่อผู้ประกอบการไทยจะไม่สามารถอยู่ได้ หากไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาภายใน 1 ปีนี้ ผู้ประกอบการคนไทยคงอยู่ไม่ได้แล้วแน่นอน