ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก รายงานว่า วันที่ 4 เมษายน 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 3,024.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -82.79 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.9% ส่งผลราคาปิดร่วงลง 2 วันติดกันรวม -105.26 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -3.75% ขณะที่ราคาต่ำสุดระหว่างวันลงแตะระดับ 3,015.29 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่เมื่อคืนผ่านมา 3 เมษายน มีราคาสูงสุดระหว่างเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่ระดับ 3,167.57 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงวันที่ 27 มีนาคม 2025 ทองคำราคาส่งมอบทันที(Spot)ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เกิดขึ้น 20 ครั้ง และมีราคาทะยานขึ้นกว่า 16% นอกจากนี้ สิ้นสุดไตรมาสที่ 1 พบว่าราคาทองคำพุ่งดีที่สุดในรอบ 39 ปี หรือตั้งแต่ปี 1986 ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 มกราคมผ่านมา เป็นวันแรกที่ราคาทองคำปิดแตะหลัก 2,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ โดยครั้งสุดท้ายที่ราคาทองคำปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์อยู่ที่ระดับ 3,129.46 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 เมษายนผ่านมา
สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 3,121.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -86.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.8% ส่งผลราคาปิดร่วงลง 2 วันติดกันรวม -130.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -4.2% ราคาทองคำล่วงหน้า (Future) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ และเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 16 ในปี 2025 นี้ นอกจากนี้ ครั้งสุดท้ายที่ทองคำมีราคาปิดนิวไฮเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 เมษายน ปิดที่ระดับ 3,166.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่เมื่อวันที่ 14 มีนาคม เป็นครั้งแรกที่มีราคาปิดแตะหลัก 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และปิดที่ระดับ 3,001.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
ในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำสุทธิปิดลดลง -1.9% นับเป็นสัปดาห์แรกที่มีราคาปิดลดลงใน 5 สัปดาห์ผ่านมา นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาทองคำพุ่งทะยานกว่า 15.3%
สาเหตุจากนักลงทุนยังคงเทขายทองคำตามสถานการณ์ภาวะถล่มเทขายตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รวม 2 วันติดกันถึงกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 172.5 ล้านล้านบาท และยังเป็นตลาดหุ้นสหรัฐที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่วิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ นักลงทุนทองคำที่ใช้เงินกู้มาลงทุนยังถูกบังคับขายจากการลงทุนที่ขาดทุนในวันพฤหัสบดีที่มีราคาทองคำตกต่ำมาก
ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่าขึ้น 0.7% ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวในคืนผ่านมาว่า ธนาคารกลางสหรัฐมีเวลาที่จะรอคอยข้อมูลให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะตัดสินใจในการใช้อัตราดอกเบี้ยในทิศทางใด แต่ความสนใจของธนาคารสหรัฐอยู่ที่การสร้างความมั่นใจว่ามุมมอง หรือการคาดหวังเงินเฟ้อจะยังคงยึดแน่น ไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะถ้าอัตราภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีสหรัฐมีผลต่อแรงกดดันด้านราคาให้เพิ่มขึ้น