ถล่มทิ้งหุ้นสหรัฐแรงใน 5 ปี ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ -1,970 จุด (-4.9%) ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ดิ่ง-289 จุด (-5.5%) ดัชนีหุ้นนาสแดค -1,230 จุด (-6.4%) อีก -2% จะถึงระดับพักซื้อขายชั่วคราว หรือเซอร์กิต เบรกเกอร์

ถล่มทิ้ง หุ้น สหรัฐ แรงใน 5 ปี ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ -1,970 จุด (-4.9%) ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ดิ่ง-289 จุด (-5.5%) ดัชนีหุ้นนาสแดค -1,230 จุด (-6.4%) อีก -2% จะถึงระดับพักซื้อขายชั่วคราว หรือเซอร์กิต เบรกเกอร์

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2025 เวลา 13.00 น. (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 38,856 จุด -1,751 จุด หรือ -4.31% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 5,184 จุด -272 จุด หรือ -5.00% และดัชนีหุ้นนาสแดค เคลื่อนไหวที่ 16,137 จุด -997 จุด หรือ -5.82%

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 12.50 น. ตามเวลานิวยอร์ก ปรากฏว่า ดัชนีสำคัญทั้ง 3 แห่งดำดิ่งลงลึกสุดระหว่างวัน โดยดัชนีหุ้นดาวโจนส์ -1,970 จุด หรือ -4.9% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ดิ่งหนัก -289 จุด หรือ -5.5% ดัชนีหุ้นนาสแดค -1,230 จุด หรือ -6.4% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ดำดิ่งรุนแรงใน 5 ปี หรือตั้งแต่มีนาคม 2021 เป็นต้นมา ที่สำคัญ เทียบดัชนีหุ้นต่ำสุดระหว่างวันดังกล่าว ทำให้ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 เหลืออีก -2% จะถึงระดับพักซื้อขายหุ้นชั่วคราว หรือมาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์ เพื่อหยุดสภาวะการเทขายหุ้นดำดิ่งลงอย่างรุนแรงตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้

สาเหตุจากนักลงทุนกลับมากังวลอย่างรุนแรงครั้งใหม่ เนื่องจากทำเนียบขาว สหรัฐ แถลงว่าอัตราการเก็บภาษีสินค้ากับจีนรวมเป็น 145% เพราะต้องนับรวมภาษีอีก 20% กับจีนที่ประกาศเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ผ่านมา สาเหตุจากมีการนำเข้ายาเฟนทานิลจากจีน ซึ่งสหรัฐพิจารณาเป็นยาอันตราย และมีการลักลอบนำเข้าผิดกฎหมายของสหรัฐ

ด้านตัวเลขเงินเฟ้อทั้งทั่วไป และขั้นพื้นฐานเดือนมีนาคม ไม่เพียงลดลงมากเกินกว่าคาด แต่ยังลดลงมากที่สุดในรอบ 4 ปี ถึงแม้จะเป็นสัญญาณที่ดีต่อโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ยระยะสั้นในอนาคต แต่นักลงทุนกลับมองว่าเมื่อนำไปประกอบกับปัจจัยการจ้างงานในสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง นั่นหมายถึงทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสามารถใช้มาตรการขึ้นภาษี และมาตรการการกีดกันการค้าที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังคงมีความยืดหยุ่นสูง

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 เมษายนผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นคืนอย่างคึกคัก สาเหตุจากประธานาธิบดีสหรัฐชะลอการจัดเก็บภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ตามระดับสูงสุดของแต่ละประเทศที่ได้ประกาศไป โดยให้ลดอัตราการจัดเก็บลงมาอยู่ที่ระดับ 10% เป็นเวลา 90 วัน ยกเว้นประเทศจีนที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นอีกรวมเป็น 145% และมีผลทันที ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งทำสถิติคึกคัก ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดพุ่งใน 1 วันดีที่สุดในรอบ 17 ปี หรือตั้งแต่ตุลาคมปี 2008 หรือตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจการเงินโลก ดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดพุ่งใน 1 วันดีที่สุดในรอบ 24 ปี 2 เดือน หรือตั้งแต่มกราคมปี 2001 หรือตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่ดอทคอม

ก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันทำการที่ 3 ถึงวันที่ 8 เมษายน 2025 ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดดำดิ่งลงเหวถึง 4 วันติดกันรวม -4,579 จุด และ -686 จุด ตามลำดับ ทำสถิติดัชนีหุ้นปิดดำดิ่งเลวร้ายสุดในรอบเกือบ 5 ปี ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -7.86%, -9.08% และ -10.02% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ร่วงติดกัน 6 สัปดาห์ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ร่วงติดกัน 4 สัปดาห์ และ ดัชนีหุ้นนาสแดคร่วงติดกัน 6 สัปดาห์

สาเหตุจากประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ พักการเก็บอัตราภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ของ 184 ประเทศเป็นการชั่วคราวนาน 90 วัน ด้วยการลดอัตราการเก็บของแต่ละประเทศลงมาเหลือที่ระดับ 10% แต่ยกเว้นประเทศจีนเพียงประเทศเดียว โดยลงนามในคำสั่งบริหารประธานาธิบดีสหรัฐให้เก็บเพิ่มสูงอีก 24% รวมเป็นอัตราภาษี 125% กับสินค้านำเข้าจากจีน และให้มีผลทันที นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้เหตุผลว่า จีนขาดความเคารพและแสดงให้ทั่วโลกเห็นถึงการตอบโต้โดยปราศจากการเจรจา โดยเมื่อวันที่ 9 เมษายน กระทรวงคลังจีนประกาศขึ้นภาษีตอบโต้อีก 50% รวมเป็น 104% กับสินค้าทุกชนิดจากสหรัฐ และจำกัดการทำธุรกิจนำเข้าส่งออก 12 บริษัทของสหรัฐ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles