ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก รายงานว่า วันที่ 15 เมษายน 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 3,232.88 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +19.19 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.7% ขณะที่เมื่อวันที่ 11 เมษายนผ่านมา ทำสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่ 3,235.89 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และมีราคาสูงสุดระหว่างเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่ระดับ 3,245.48 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
ในรอบสัปดาห์ผ่านไป ทองคำมีราคาต่ำสุดระหว่างวันลงแตะระดับ 2,955.89 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ ตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงวันที่ 27 มีนาคม 2025 ทองคำราคาส่งมอบทันที(Spot)ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เกิดขึ้น 22 ครั้ง และมีราคาทะยานขึ้นกว่า 23% นอกจากนี้ สิ้นสุดไตรมาสที่ 1 พบว่าราคาทองคำพุ่งดีที่สุดในรอบ 39 ปี หรือตั้งแต่ปี 1986 ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคมผ่านมา เป็นวันแรกที่ราคาทองคำปิดแตะหลัก 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 3,245.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +18.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.6% ส่งผลทำสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ราคาทองคำล่วงหน้า (Future) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ และเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 20 ในปี 2025 นี้ นอกจากนี้ ครั้งสุดท้ายที่ทองคำมีราคาปิดนิวไฮเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เมษายน ปิดที่ระดับ 3,244.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่เมื่อวันที่ 14 มีนาคม เป็นครั้งแรกที่มีราคาปิดแตะหลัก 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และปิดที่ระดับ 3,001.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
สาเหตุจากนักลงทุนประเมินความเสี่ยงจากของการจัดเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะประกาศผลในสัปดาห์นี้ หลังจากตัดกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิคส์ออกจากอัตราเสียภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs 125% รวมถึงทำกำไรช่วงสั้นครั้งใหม่หลังจากราคาทองคำโลกผ่านหลัก 3,200 ดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาลดต่ำลงกว่าระดับ 4% ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงต่อเนื่องจนทำสถิติอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 3 ปี รวมถึงสภาทองคำโลก เปิดเผยว่าความต้องการเพิ่มสูงขึ้นมากและรวดเร็วในกองทุนหน่วยลงทุนทองคำ หรือโกลด์อีทีเอฟของจีนในเดือนเมษายน ทำให้มีปริมาณลงทุนสะสมมากกว่าทั้งไตรมาสที่ 1 ของปีนี้นี้ และยังมากกว่ากองทุนโกลด์อีทีเอฟของสหรัฐด้วย