ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก รายงานว่าวันที่ 13 มีนาคม 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่าราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,979.76 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +44.17 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.6% ทำสถิติราคาส่งมอบทันที (Spot) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ และเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 12 ในปี 2025 นี้ และส่งผลราคาทองปิดขึ้น 3 วันติดกันรวม +92.09 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +3.3%
ตั้งแต่ต้นปีนี้ราคาทองคำ (Gold Spot) ทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ถึง 12 ครั้ง ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 มกราคมผ่านมา เป็นวันแรกที่ราคาทองคำปิดแตะหลัก 2,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ โดยครั้งสุดท้ายที่ราคาทองคำปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์อยู่ที่ระดับ 2,956.15 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2025 ผ่านมา
สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ มีราคาสูงระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ และเป็นครั้งแรกแตะที่ระดับ 3,001.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ก่อนจะลดลงเล็กน้อยมาปิดที่ 2,991.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +44.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.5% ทำสถิติราคาล่วงหน้า (Future) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ และเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 ในปี 2025 นี้ นอกจากนี้ ยังส่งผลราคาทองปิดขึ้น 3 วันติดกันรวม +89.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +3.1% ย้อนกลับไปเมื่อเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ผ่านมา เป็นครั้งสุดท้ายที่ราคาทองคำปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์อยู่ที่ระดับ 2,963.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาทองคำสุทธิปิดขึ้น +1.7% ก่อนหน้านี้สถิติราคาทองคำโลกรายสัปดาห์ปิดขึ้น 8 สัปดาห์ที่ติดต่อกัน นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาทองคำพุ่งทะยานกว่า 14%
สาเหตุจากรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ สหรัฐอเมริกา นายโฮวาร์ด ลุทนิค กล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอาจจะคุ้มค่า เพื่อที่จะให้นโยบายด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อผู้ผลิตทั้งทั่วไป และขั้นพื้นฐานเดือนกุมภาพันธ์ในสหรัฐ พบว่า ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2025 ซึ่งตรงข้ามกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ส่งต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของแบงก์ชาติสหรัฐอาจเป็นไปตามที่คาดการณ์ตามเดิม
กองทุนเอสพีดีอาร์ (SPDR) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเกี่ยวกับการลงทุนหน่วยลงทุนทองคำ หรืออีทีเอฟ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2025 ผ่านมา ได้เพิ่มการถือครองทองคำแท่งเป็น 907.82 เมตริกตัน ทำสถิติมากที่สุดในรอบ 1 ปี 6 เดือนกว่า หรือตั้งแต่สิงหาคม 2023
นายซูกิ คูเปอร์ นักวิเคราะห์จากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ เปิดเผยว่าความต้องการลงทุนในหน่วยลงทุนทองคำ หรืออีทีเอฟ ยังคงมีอยู่อย่างมาก และความต้องการซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง เพื่อบริหารความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของปัจจัยความขัดแย้งในปัญหาการเมืองระหว่างประเทศในภูมิภาคสำคัญ รวมถึงความไม่แน่นอนสูงของมาตรการเก็บภาษีของสหรัฐและการตอบโต้สงครามการค้าที่มีต่อเนื่อง ทั้งหมดเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนทองคำ
ขณะที่ผลสำรวจของรอยเตอร์ เปิดเผยว่า 66% คาดหวังเฟดลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในสิ้นเดือนมิถุนายน มีราว 22% มองว่าจะลดดอกเบี้ยในมีนาคม และมี 17% มองว่าจะลดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง
สำหรับราคาทองคำในช่วงแต่ละยุคสมัยของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐใน 8 ปีผ่านมา พบว่าในช่วงเทอมที่ 1 ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 นายโดนัลด์ ทรัมป์ พบว่าราคาทองพุ่งสูงถึง 54% ในระหว่างปี 2016-2020 ต่อมาในช่วงประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 นายโจ ไบเดน พบว่าราคาทองพุ่งสูงถึง 50% ในระหว่างปี 2020-2024