นายอาคาช โดชิ หัวหน้านักวิเคราะห์ สินค้าโภคภัณฑ์ ภูมิภาคอเมริกาเหนือ ธนาคารซิตี้กรุ๊ป (Citi) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบตลาดโลกมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นแตะ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากปัจจัยความเสี่ยง ได้แก่ ความตึงเครียดในสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง การปรับลดโควต้ากำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส และภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกตึงตัวจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในตะวันออกกลาง
ส่วนสถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาสที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตหรือส่งออกน้ำมันโดยตรง แต่ปัจจัยในสถานการณ์การโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันและเรือสินค้าในทะเลแดง ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องจากกลุ่มกบฏฮูตีในประเทศเยเมน ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ เช่น อิรักได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งโดยตรง หากสถานการณ์ปะทุขึ้นอีกก็อาจส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบหลักๆของกลุ่มโอเปกพลัส นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียที่จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐ
ธนาคารซิตี้กรุ๊ปในกรณีขั้นพื้นฐาน ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกในปีนี้จะเฉลี่ยยืนพื้นที่ 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2022 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน และในปี 2022 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล