ทีดีอาร์ไอ เผยคนไทยหันมาเช่ามากกว่าซื้อ ดันยอด ‘บ้านว่าง’ ในไทยพุ่ง 1.5 ล้านหลัง ผุด ‘โมเดลเช่า’ อยู่ยาว 30 ปี แก้อสังหาฯล้นตลาด

ทีดีอาร์ไอ เผยคนไทยหันมาเช่ามากกว่าซื้อ ดันยอด 'บ้านว่าง’ ในไทยพุ่ง 1.5 ล้านหลัง ผุด ‘โมเดลเช่า’ อยู่ยาว 30 ปี แก้อสังหาฯล้นตลาด

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยขั้นสุดยอดในอีก 9 ปี เนื่องจากประชากรเกิดใหม่น้อยลง ทำให้การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอาจไม่ตอบโจทย์ในรูปแบบการซื้อ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องพัฒนาที่อยู่อาศัยให้สอดรับกับตลาด ซึ่งยังมีบ้านว่างทั่วประเทศถึง 1.5 ล้านหลัง การจะพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มยิ่งทำให้มีบ้านว่างเพิ่มขึ้น ขณะที่คนซื้อบ้านยากขึ้น ทั้งมีรายได้น้อย เข้าถึงสินเชื่อยาก การเช่าจึงตอบโจทย์มากกว่าการซื้อ แนวคิดที่ว่าทุกคนต้องมีบ้านมันเอาต์แล้ว จึงมีข้อเสนอให้มีการผลักดันการเช่าระยะยาว 30 ปี หรืออยู่ได้ตลอดชีวิต รองรับผู้สูงอายุที่ไม่มีลูกหลานดูแล รวมถึงกลุ่มหลากหลายทางเพศและผู้มีรายได้น้อย

โดยทีดีอาร์ไอ เสนอรูปแบบโครงการเช่าอสังหาฯระยะยาวว่า อาจต้องเปลี่ยนไปจากภาพเดิม ไม่เหมือนกับโครงการรัฐที่ผ่านมา โดยรัฐบาลอาจใช้กลไกการตลาด เช่น ตั้งบริษัทกลางมาบริหารการเช่า โดยรัฐเป็นผู้สนับสนุน ทำเป็นแพลตฟอร์มการเช่าเหมือนที่ต่างประเทศ ดูแลครบวงจรทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่า ทั้งนี้โดยส่วนตัวจึงไม่ค่อยเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลที่จะทำโครงการที่อยู่อาศัยผ่านโครงการบ้านเพื่อคนไทย เพราะจะเป็นการเพิ่มซัพพลายใหม่เข้ามาในตลาด

ทั้งนี้มองว่าตลาดอสังหาฯ ยังไม่ตาย แต่โอกาสพัฒนาจะลดลงตามการขยายตัวของเมืองที่ขยายไปในชนบทมากขึ้น ประกอบกับที่ดินในเมืองหายากและราคาแพง ทำให้การพัฒนาโครงการรองรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยทำได้ยาก ซึ่งรัฐบาลสามารถแก้ไขได้ด้วยการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้สอดรับกับสภาพปัจจุบัน รวมถึงต้องผ่อนคลายขั้นตอนทางกฎหมายให้ผู้ประกอบการพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่เขตเมืองได้มากขึ้น เพื่อเป็นการพัฒนาเมือง เช่น ปรับปรุงการทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) อีกทั้งทำให้คนเข้าถึงรถไฟฟ้าง่ายขึ้น เช่น ทำทางเดินเชื่อมกับสถานีให้มากขึ้น

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles