ธนาคารจงหรง อินเตอร์เนชั่นแนล ทรัสท์ (Zhongrong International Trust) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินประเภทธนาคารเงา หรือธุรกิจตัวแทนการเงินที่เสมือนกิจการธนาคารพาณิชย์ หรือเรียกว่าธนาคารเงา (Shadow Bank) ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ในประเทศจีน ที่สำคัญ เป็นเป็นธนาคารเงาในเครือ หรือของบริษัทแม่ชื่อว่า จงจื่อ เอนเตอร์ไพรส์ กรุ๊ป (Zhongzhi Enterprise Group Co.) ซึ่งล้มละลายไปเมื่อปีผ่านมานั้น กำลังเผชิญกับการถูกบังคับให้ขายสินทรัพย์ทั้งหมดของกิจการธนาคารดังกล่าว
สาเหตุจาก ธนาคารที่ทำหน้าที่ดูแล และรักษาใบหุ้นและสินทรัพย์ หรือคัสโตเดี้ยน (Custodian) ของธนาคารจงหรง อินเตอร์เนชั่นแนล ทรัสท์ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ ซิติก ทรัสท์ และซีซีบี ทรัสท์ ลงมติไปในทิศทางเดียวกันว่าธนาคารเงาดังกล่าวเข้าสู่ภาวะล้มละลาย โดยไม่สามารถที่จะดำเนินกิจการธนาคารได้อีกต่อไป ดังนั้น จึงเป็นไปได้สูงที่บรรดาลูกค้า และเจ้าหนี้ของสถาบันการเงินธนาคารเงาดังกล่าวเป็นจำนวนหลายหมื่นคนขึ้นไปจะไม่ได้รับการชดเชย หรือรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
ธนาคารจงหรง อินเตอร์เนชั่นแนล ทรัสท์ ตกอยู่ในการบริหารจัดการ และดูแลสถานภาพกิจการธนาคารเงานับตั้งแต่ปลายปี 2023 เป็นต้นมา สาเหตุจากธนาคารดังกล่าว ไม่สามารถจ่ายคืนผลตอบแทนทางการเงินให้กับเจ้าหนี้ส่งผล ผิดนัดชำระหนี้กับบรรดาเจ้าหนี้จำนวนกว่า 32,000 ราย แบ่งเป็นจำนวนประเภทสถาบันการเงินกว่า 2,000 แห่ง และประชาชนชาวจีนทั่วไป รวมถึงเจ้าหนี้บุคคลมากกว่า 30,000 คน ซึ่งมีมูลค่าผิดนัดชำระหนี้รวมทั้งสิ้น 250,000 ล้านหยวน หรือ 1.16 ล้านล้านบาท
หน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงิน และธุรกิจกิจการสถาบันการเงิน และเสมือนกิจการสถาบันการเงินในประเทศจีน เปิดเผยว่า ภาวะการล้มละลายและภาวะการผิดนัดชำระหนี้ ได้สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจการเงินประเภททรัสท์ดังกล่าวรวมกันเป็นมูลค่ามากกว่า 27 ล้านล้านหยวน หรือกว่า 125.5 ล้านล้านบาทในช่วง 2-3 ปีผ่านมา
นอกเหนือจากธนาคารจงหรง อินเตอร์เนชั่นแนล ทรัสท์ ล้มละลายและถูกบังคับให้ขายทอดสินทรัพย์ทั้งหมดในครั้งนี้แล้ว ผลิตภัณฑ์การเงินประเภททรัสต์อย่างน้อยอีก 162 รายการ ยังไม่สามารถชําระหนี้ได้นับตั้งแต่ต้นปี 2024 รวมเป็นเงิน 69,000 ล้านหยวน หรือกว่า 320,850 ล้านบาท นอกจากนี้ ข้อมูลสำนักงานทนายความต้าเฉิง เปิดเผยว่าสินทรัพย์ในธุรกิจการเงินประเภททรัสต์อีกมากกว่า 600,000 ล้านหยวน หรือกว่า 2.8 ล้านล้านบาทยังคงมีความเสี่ยงสูง
ธุรกิจสถาบันการเงินประเภททรัสท์ (Trust) ในประเทศจีน ซึ่งถูกทางการจีนดำเนินการปรับโครงสร้างทั้งระบบสถาบันการเงินประเภททรัสท์มาอย่างน้อย 6 ครั้งนับตั้งแต่รัฐบาลจีนเริ่มให้มีการตั้งกิจการประเภทดังกล่าวเป็นครั้งแรกในประเทศจีนเมื่อปี 1976 หรือ 49 ปีผ่านมานั้น ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจมาเป็นในลักษณะการระดมเงินทุนจากผู้ฝากเงินที่มีสถานการเงินดี หรือบรรดาเศรษฐีรวมถึงธุรกิจภาคเอกชนจีน เพื่อนำเงินทุนดังกล่าวไปสร้างผลตอบแทนจากการเข้าลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ
โดยเฉพาะการหาผลตอบแทนจากการลงทุนในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลาย 10 ปีผ่านมา จนกระทั่งเกิดวิกฤตตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนล่มสลายในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา และยังคงตกอยู่ในวิกฤตการณ์อสังหาริมทรัพย์จีนที่ยืดเยื้อ และไม่สามารถแก้ไขวิกฤตินี้ได้จนถึงปัจจุบัน
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2024 ธนาคารจงจื่อ เอนเตอร์ไพรส์ กรุ๊ป (Zhongzhi Enterprise Group Co.) ซึ่งเป็นบริษัททำธุรกิจด้านตัวแทนการเงินที่เสมือนกิจการธนาคารพาณิชย์ หรือเรียกว่าธนาคารเงา (Shadow Bank) ที่สำคัญมีขนาดใหญ่อันดับหนึ่งในธุระกิจธนาคารเงาของจีนแผ่นดินใหญ่ ประกาศล้มละลายต่อศาล ขณะที่ศาลประชาชนระดับกลางของจีนแผ่นดินใหญ่แถลงสื่อโซเชียลวีแชท Wechat ในวันนี้ 5 มกราคม 2024 ว่า ศาลมีมติรับคำร้องคดียื่นล้มละลายแล้ว
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2023 ปัญหาการเงินในจีนแผ่นดินใหญ่กำลังถูกจับตามองจากทุกฝ่าย จงจื่อ เอนเตอร์ไพรส์ (Zhongzhi Enterprise Group Co.) ซึ่งเป็นบริษัททำธุรกิจด้านตัวแทนการเงินที่เสมือนกิจการธนาคารพาณิชย์ หรือเรียกว่าธนาคารเงา (Shadow Bank) ที่สำคัญมีขนาดใหญ่อันดับหนึ่งในธุระกิจธนาคารเงาของจีนแผ่นดินใหญ่ เปิดเผยว่า เผชิญปัญหาสภาพคล่องถึงขั้นรุนแรงซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะล้มละลายภายในไม่กี่วันข้างหน้า
เนื่องจากไม่สามารถจ่ายหนี้คืนให้เจ้าหนี้ได้ ซึ่งเป็นผลจากการปล่อยกู้ให้กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนมาก และเกิดวิกฤตหนี้อสังหาริมทรัพย์ในจีน ส่งผลให้มีภาระหนี้สินมูลค่า 68,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.44 ล้านล้านบาท ซึ่งพุ่งสูงสินทรัพย์ถึงกว่า 2 เท่า ธนาคารเงา จงจื่อ เอนเตอร์ไพรส์ มีหนี้สินประมาณ 420,000 ล้านหยวน ถึง 460,000 ล้านหยวน หรือคิดเป็นประมาณ 2.08-2.3 ล้านล้านบาท เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ 200,000 ล้านหยวน หรือ 1 ล้านล้านบาท
ธนาคารเงาดังกล่าว เปิดเผยว่า การตรวจสอบวิเคราะห์สถานะการเงินเบื้องต้น พบว่ากลุ่มบริษัทมีความเสี่ยงอย่างมากต่อการดําเนินธุรกิจให้ยั่งยืนต่อไปได้และบริษัทไม่มีสินทรัพย์เพียงพอที่จะชําระหนี้ในระยะสั้นโดยความพยายามก่อนหน้านี้ในการช่วยเหลือตัวบริษัทเอง ก็ล้มเหลวโดยไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ในอดีตผ่านมา จงจื่อ เป็นกลุ่มบริษัทที่ทำกิจการซื้อขายไม้และอสังหาริมทรัพย์ในยุคทศวรรษ 1990 จากนั้นธุรกิจเติบโตมากขึ้น ทำให้ขยายขอบเขตการทำธุรกิจไปสู่ประเภทอื่นๆ ได้แก่ ผลิตไมโครชิป ดีลเลอร์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เวชภัณฑ์ และการเงินที่หลากหลาย โดยกลุ่มธุรกิจการเงิน ประกอบด้วย ทรัสท์ ประกัน บริหารจัดการผลตอบแทนทรัพย์สิน บริหารจัดการความมั่งคั่ง ตราสารอนุพันธุ์ เป็นต้น
ทั้งนี้ จงจื่อ เอนเตอร์ไพรส์ ลดขนาดและประเภทธุรกิจในกลุ่มบริษัทลงมาต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีผ่านมา ด้วยการขายหุ้นที่ถือครองในแต่ละประเภทธุรกิจ หลังจากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่เข้าจัดการกวาดล้างธุรกิจธนาคารเงาที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานและเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาในประเทศอย่างเข้มข้น