ธนาคารโซซิเอเต้ เจนเนอรัล หรือซอคเจน (Socgen) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ยักษ์ใหญ่ชื่อดังระดับโลกจากประเทศฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ได้ปรับขึ้นราคาคาดการณ์น้ำมันดิบตลาดโลกในไตรมาสที่ 2 ทั้งราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ และน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ มาอยู่ที่ 87.50 และ 91.00 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล นอกจากนี้ ปรับขึ้นราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปีนี้ของทั้ง 2 ตลาดเป็น 83.30 และ 86.80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ จากปัจจัยภาวะน้ำมันดิบตลาดโลกตึงตัว
อย่างไรก็ตาม ธนาคารโซซิเอเต้ เจนเนอรัล หรือซอคเจน ยังคงให้น้ำหนักกับปัจจัยเสี่ยงสูง คือ ปฏิบัติการทางทหารในรูปแบบการตอบโต้โดยตรงระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่าน โดยโอกาสที่ตะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวมีเพิ่มขึ้นจากที่ประเมินไว้อีก 10% จากเดิมคาดว่ามีโอกาสเพียง 5% ขึ้นเป็น 15% และราคาน้ำมันดิบตลาดโลกภายใต้ปัจจัยเสี่ยงสูงนี้ จะพุ่งทะยานสูงอย่างมากไปถึงระดับ 140 ดอลลาร์สหรัฐ
ด้านธนาคารซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ยักษ์ใหญ่ชื่อดังระดับโลกแห่งหนึ่งจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ได้ปรับราคาน้ำมันดิบคาดการณ์ครั้งใหม่ โดยในช่วงระยะสั้นที่จะถึงนี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมอีก 8 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากบาร์เรลละ 80 ดอลลาร์สหรัฐ มาเป็น 88 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ราคาคาดการณ์ที่ปรับขึ้นใหม่นี้ ยังไม่ได้รวมปัจจัยสงครามหรือการโจมตีตอบโต้ระดับรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจะทะยานขึ้นถึงระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
นอกจากนี้ หากสถานการณ์ความตึงเครียดของทั้ง 2 ประเทศผ่อนคลายลง ธนาคารซิตี้กรุ๊ป มองว่าราคาน้ำมันดิบจะลงมาเคลื่อนไหวระหว่าง 70-80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับสถานการณ์ความตึงเครียดในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมานั้น นายกรัฐมนตรีอิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีชุดปฏิบัติการสงครามเป็นครั้งที่ 2 ในคืนผ่านมา แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ในคืนผ่านมา ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 85.41 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.25 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.3% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 90.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.35 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.4% ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปิดเฃร่วงลง -1.0% และ -0.8% ตามลำดับ
