นายสุภกฤษฎิ์ แผนสมบูรณ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัทไซท์ไมน์เดอร์ (SiteMinder) ซึ่งบริษัทผู้นำแพลตฟอร์มด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดรายงาน “SiteMinder’s Changing Traveller Report 2025” โดยทำการสำรวจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจาก 14 ตลาดหลักทั่วโลกจากนักท่องเที่ยวกว่า 12,000 คนที่มีตลาดท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดของโลก พบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 98% เปิดใจพร้อมใช้เทคโนโลยีเอไอ หรือปัญญาประเดิษฐ์ AI ในการวางแผน การจอง และสัมผัสประสบการณ์การเข้าพัก โดยเป็นอัตราที่สูงที่สุดในโลก
นอกจากนี้ มีมากถึง 68% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีแนวโน้มจะทำงานระหว่างการเข้าพักครั้งถัดไป ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ 41% ด้วย ประเทศไทยและอินโดนีเซียมีการเปิดรับการใช้เอไอในการท่องเที่ยวสูงถึง 98% ซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก เช่น จีน (96%) และอินเดีย (94%) ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากแคนาดา ออสเตรเลีย และยุโรปยังคงลังเลที่จะใช้เทคโนโลยีนี้ โดยมีอัตราการเปิดรับที่ต่ำกว่า
สำหรับการทำงานระหว่างการเดินทางนั้น นักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความสนใจสูงมาก มีถึง 68% ของนักท่องเที่ยวไทยจะทำงานขณะท่องเที่ยวครั้งถัดไป ซึ่งสูงกว่าในภูมิภาคอื่น ๆ เช่น อเมริกาเหนือมี 34% และยุโรปมี 31% ส่วนการท่องเที่ยวภายในประเทศและต่างประเทศในปี 2025 พบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยในปี หน้านั้น มีมากถึง 83% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยมีแผนจะเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มเจนวาย (Y) หรือกลุ่มมิลเลนเนียม (Millennials) มีแนวโน้มจะเดินทางไปต่างประเทศถึง 87% ซึ่งถือว่าเป็นอันดับ 3 รองจากชาวสิงคโปร์ และชาวจีน
สำหรับการท่องเที่ยวภายในประเทศ พบว่า 3 จังหวัดที่คนไทยที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่ 59% เชียงใหม่อันดับสอง 57% คือ พัทยา-ชลบุรี และอันดับสาม มี 34% หาดใหญ่-สงขลา ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศที่ได้รับความนิยมสูงสุดได้แก่ อันดับ 1 มี 56% ญี่ปุ่น อันดับ 2 มี 32% จีน และอันดับ 3 มี 23% เกาหลีใต้
ด้านความต้องการที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก พบว่า 54% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยมีแนวโน้มเลือกห้องพักแบบมาตรฐาน หรือประเภท Standard ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ 46% และยังสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากนักท่องเที่ยวจากสเปน แคนาดา และอิตาลี
นอกจากนี้ 97% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยยินดีจ่ายเงินเพิ่มสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษ เช่น อาหารเช้า ห้องชมวิว หรือการเช็กอินก่อนเวลาและเช็กเอาต์ล่าช้า นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวไทยยังให้ความสำคัญกับโรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดย 94% ของนักท่องเที่ยวไทยยินดีจ่ายเพิ่มเพื่อการเข้าพักที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซีย
ขณะที่แนวโน้มการจองที่พักออนไลน์ นักท่องเที่ยวชาวไทยยังมีแนวโน้มที่จะใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น OTA (Online Travel Agency) ในการจองที่พักมากขึ้น โดย 55% ของนักท่องเที่ยวชาวไทย ระบุว่าจะใช้บริการ OTA ในการจองที่พักในปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้น 9% จากปีที่ผ่านมา และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกถึง 13%