นายกิตติชัย นาคะประเสริฐกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ QTCG เปิดเผยว่า หลังจาก บมจ. คิวทีซีจี ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ล่าสุดได้รับการอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์จากสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอขาย หุ้น IPO จำนวน 180 ล้านหุ้น โดยมีมูลค่า ที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท และคาดว่าจะสามารถนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ภายในไตรมาส 1/2567
ทั้งนี้ QTCG ดำเนินธุรกิจด้านงานรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E) อย่างครบวงจร มีประสบการณ์ กว่า 22 ปี ทำให้บริษัทฯ มีทีมวิศวกรที่มากด้วยประสบการณ์ และมีศักยภาพให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมภายในอาคารทุกระบบอย่างครบวงจร ทั้งในรูปแบบผู้รับเหมาหลัก (Main contractor) และในรูปแบบผู้รับเหมาช่วง (Subcontractor) โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้น 600 ล้านหุ้น แบ่งเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 210 ล้านบาท และมีนโยบายจ่ายเงินปันผล ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล
นายธิติวัฒน์ เงินนำโชคธนรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน) “QTCG” เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจและเพิ่มโอกาสการรับงานโครงการต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดยบริษัทฯ จะนำเม็ดเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัทฯ ภายในปี 2567 – 2568 ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในการขยายโอกาสสู่การสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการด้านรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E) อย่างครบวงจรของประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อว่าการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนให้ฐานะทางการเงินของ QTCG มีความแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าเดิม สู่การขับเคลื่อนสำหรับการรองรับการเข้าประมูลโครงการใหญ่ในอนาคต เพื่อต่อยอดและขยายฐานงานเดิมที่มีอยู่ โดย ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2566 บริษัทฯ มีมูลค่างานที่ยังไม่ได้รับรู้รายได้ประมาณ 1,248 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานขนาดใหญ่ในกลุ่มลูกค้า ที่มีชื่อเสียง อาทิ โครงการ CIB International school, โครงการ คอนโด ชูช์ ราชเทวี (SHUSH), โครงการก่อสร้างอาคารกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น