นักวิชาการ ชี้กำลังซื้อยังแผ่ว หวั่นมาตรการคนละครึ่งพลัสทำงานไม่เต็มที่  จากผลกระทบน้ำท่วม ความเชื่อมั่นจ่อถูกฉุด จี้รัฐเร่งเยียวยาสถานการณ์ 

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ชัดเจนว่ามาตรการคนละครึ่งพลัส น่าจะทำให้การจับจ่ายใช้สอยดีขึ้น และส่งเสริมบรรยากาศทางเศรษฐกิจ โดยคนละครึ่งพลัส ใช้วงเงินประมาณ 66,000 ล้านบาท แต่เงินที่เข้าสู่ระบบไปหมุนระบบเศรษฐกิจน่าจะประมาณ 40,000 ล้านบาท แต่ยังมองว่า ถ้าไม่มีสถานการณ์น้ำท่วม ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะปรับตัวดีกว่านี้ เพราะความเสียหายของน้ำท่วมที่เกิดขึ้นปัจจุบันน่าจะมีวงเงินอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท ที่เป็นการพร่องเงินออกจากระบบเศรษฐกิจ ดังนั้น เงินที่ถูกเติมเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ 40,000 ล้านบาท ถูกพร่องออก 20,000 ล้านบาท ทำให้ผลของมาตรการคนละครึ่งพลัสทำงานไม่เต็มที่ และทำให้เศรษฐกิจสร้างความเชื่อมั่นได้ไม่โดดเด่น 

ทั้งนี้ หากแยกดัชนีความเชื่อมั่นตามภูมิภาค จะมีภูมิภาคเดียวเท่านั้นที่มีภาพของการติดลบ ทั้งเศรษฐกิจปัจจุบัน สถานการณ์ปัจจุบัน แล้วก็สถานการณ์ในอนาคต คือภาคใต้ ซึ่งติดลบโดยเฉลี่ยประมาณ 2% ขณะที่ภาคอื่น ๆ จะมีดัชนีความเชื่อมั่นบวกในปัจจุบันประมาณ 1.5% ในอนาคตจะบวกประมาณใกล้เคียง 2% หมายความว่าเฉพาะเหตุการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ดึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของภาคใต้ลงให้ติดลบ ถ้าแยกผลกระทบจากภาคใต้ออกก็คิดว่าเศรษฐกิจน่าจะค่อย ๆ ดีขึ้น และน่าจะมาจากมาตรการคนละครึ่งพลัสที่เป็นมาตรการหลัก ประกอบกับสถานการณ์เงินเฟ้อที่ไม่สูง ติดลบต่อเนื่องกันมา 8 เดือนติด แต่รายได้ยังเติมไม่มาก

ดังนั้น ถ้ารัฐบาลสามารถแก้ไขเยียวยาสถานการณ์ภาคใต้ได้เร็วและคลายตัวได้เร็ว ก็ยังมีมุมมองว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคนั้นควรจะค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ ยังไม่มีเหตุในการที่จะทำให้ความเชื่อมั่นลดลง ถ้าไม่มีเหตุการณ์ในเชิงลบซ้ำ ความเชื่อมั่นน่าจะปรับตัวเป็นบวก ในส่วนของสถานการณ์ภาคใต้ ความเชื่อมั่นอาจจะยังปรับตัวในแดนลบ และค่อย ๆ ปรับบวกขึ้นภายใน 3 เดือน หลังจากมีการเยียวยาฟื้นฟูและกระตุ้น

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือสถานการณ์เงินเฟ้อซึ่งติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 การติดลบยังอยู่ที่ประมาณ -0.5% และเงินเฟ้อพื้นฐานก็ยังติดลบ สะท้อนให้เห็นถึงภาพกำลังซื้อที่ค่อนข้างจะแผ่วบาง ดังนั้น ประเทศไทยยังจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้น และเสริมเศรษฐกิจ ซึ่งภาคของการส่งออกคงยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น และในปีหน้าก็มีความเสี่ยง ดังนั้น ต้องดูตัวเลขของนักท่องเที่ยวว่า นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาหรือไม่ หลังจากที่ไม่ได้เดินทางไปญี่ปุ่น ขณะเดียวกัน มาตรการกระตุ้นของภาครัฐคนละครึ่งพลัสเฟส 2 ตลอดจนการเยียวยาน้ำท่วมภาคใต้จะเป็นอย่างไร ดังนั้น ยังมีมุมมองว่าเศรษฐกิจไทยยังเป็นไซด์เวย์ ความเชื่อมั่นน่าจะปรับตัวดีขึ้นได้ กำลังซื้อน่าจะค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้น ในช่วงปีใหม่ก็ควรจะเป็นการจับจ่ายให้สอยที่อาจจะคึกคักอยู่บ้าง

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles