นักวิชาการ เปิดบทวิเคราะห์แนวทางรัฐแก้เงินบาทแข็งค่า จัดการซื้อขายทองคำ เกาถูกที่คันหรือไม่

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน เผยบทวิเคราะห์ เงินบาทที่แข็งค่าผิดปกติช่วงนี้ โดยระบุว่า 

1.ค่าเงินปี 2568 : แข็งค่าผิดปกติที่ 6.8% มากสุดในรอบ 4 ปี (เทียบต่อดอลล่าร์)

ในปี 2568 ค่าเงินบาทไทยต่อดอลล่าร์กลับมาแข็งค่าอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เคยแข็งค่าในปี 2564 ในปี 2568 เงินบาทไทยแข็งค่ามากสุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา โดยค่าเงินบาทปี 2568 เฉลี่ยอยู่ที่ 32.8 บาท/ดอลล่าร์ (โดยปี 2564 เงินบาทไทยเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 31.8 บาท/ดอลล่าร์) ตลอดปี 2568 ค่าเงินบาทที่เป็นรายเดือนมีการแข็งค่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากเดือนมกราคม 2568 อยู่ที่ 33.7 บาท/ดอลล่าร์ แข็งค่าเป็น 31.1 บาท/ดอลล่าร์ในเดือนธันวาคม 2568 เมื่อเทียบกับค่าเงินบาทปี 2567 ค่าเงินบาทในปี 2568 แข็งค่า 6.8%

2. เงินบาทแข็งค่ามากสุดในอาเซียนที่ 7.7

ในปี 2568 เมื่อเงินบาทเทียบกับสกุลเงินอาเซียนพบว่า ค่าเงินบาทไทยแข็งค่ามากสุด 7.7% รองลงมาคือเงินรูเปียของอินโดนีเซีย ที่แข็งค่า 3.2% ตามด้วยเงินด่องของเวียดนามที่ 2.5%

3.สาเหตุที่ค่าเงินบาทแข็งปี 2568 ได้แก่

1.ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ปี 2568 ธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดดอกเบี้ยไป 3 ครั้ง รวมลดไป 0.75% เหลือดอกเบี้ยนโยบาย 3.50-3.75% ทำให้ดอลล่าร์อ่อนไป 6% (วัดจาก US Dollar Index คือดัชนีที่วัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับ ตะกร้า 6 สกุลเงินหลัก)

2.ดุลบัญชีเดินสะพัด (ดุลการค้า ดุลบริการและรายได้อื่น) ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/2567 ถึงไตรมาสที่ 1/2568 ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเพิ่มขึ้นจาก 149,627 ล้านบาท เป็น 378,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 153%

3.เงินทุนไหลที่ไม่สามารถตรวจสอบและผิดปกติได้เข้าประเทศไทย ไม่ปรากฏชัดใน FDI ซึ่งมีจำนวนเท่าไรไม่มีใครทราบได้ เพราะไทยเป็นประเทศที่ให้ผลตอบแทนพอใช้ และความเสี่ยงต่ำ ในช่วงที่โลกผันผวนทั้ง สงคราม เงินเฟ้อ และดอกเบี้ยตลาดโลกผันผวน

4.มาตรการเก็บภาษีเฉพาะทองคำออนไลน์ : สกัดเงินบาทแข็งค่าได้เล็กน้อย เกาไม่ถูกที่คัน

ปัจจุบันการซื้อขายออนไลน์ในประเทศไทย มี 3 แพลมฟอร์มหลักคือ 1.ซื้อขายทองคำจริง (ผ่านแอปธนาคาร/ร้านทอง เช่น ออมทอง สะสมทองคำแท่ง) 2. การเทรดเก็งกำไรส่วนต่างราคา (เน้นกำไรจากราคา ไม่ต้องรับทองจริง) และ 3. การลงทุนในตราสารอนุพันธ์ทองคำ (Gold Futures/Online Futures)

ซึ่งการเก็บภาษีเฉพาะทองคำซื้อขายออนไลน์จะกระทบดังนี้

1.ผู้ซื้อรายย่อยรับภาษีไปเต็มๆ : ปกติการซื้อขายทองคำบนออนไลน์ทั้ง 3 รูปแบบ ตัวแทนที่ดำเนินกิจกรรมธุรกิจทองคำออนไลน์ เก็บค่าธรรมเนียบกับนักลงทุนหรือคนทั่วไป อยู่แล้ว หากมีการเก็บภาษีเฉพาะทองคำเพิ่ม “กระทบผู้ชื้อรายย่อยมากกว่า เพราะมีเงินน้อย ในขณะที่ผู้ซื้อรายใหญ่กระทบน้อยกว่าเพราะมีเงินเยอะ”

2.สกัดเงินบาทแข็งได้ไม่มาก : การเก็บภาษีเฉพาะทองคำในธุรกิจออนไลน์ เป็น “ยาบรรเทา ไม่ใช่ยารักษาให้หายขาด” เพราะส่งผลต่อการซื้อขายทองคำบนออนไลน์น้อย กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่ซื้อขายในวงเงินที่สูง การเสียภาษีเพิ่มขึ้น นักลงทุนเหล่านี้มองว่ายังมีกำไรมากอยู่ และยังสามารถเข้ามาซื้อขายทองคำออนไลน์ได้เหมือนเดิม

3.เงินบาทยังคงแข็งค่า เพราะหันไปลงทุนทางอื่นแทน : เงินบาทยังคงแข็งค่า เพราะนักลงทุนรายใหญ่ หันไปซื้อคริปโต ลงทุนอสังริมทรัพย์ และตั้งบริษัทแทน การซื้อขายทองคำ เป็น 1 ส่วนในหลายส่วนที่ทำให้เงินบาทแข็ง แต่เมื่อเงินที่ตรวจสอบไม่ได้ สามารถหนีจากลงทุนทองคำไปที่ลงทุนอื่นๆ ยังคงส่งผลกระทบต่อความต้องการเงินบาทแข้งค่าอยู่ดี ธุรกิจซื้อขายทองคำออนไลน์ กรนีนี้ เสมือนเป็น “แพะ 1 ตัว ในอีกหลายตัว

5. ข้อเสนอแนะต่อเงินบาทแข็งค่า

1.ส่งเสริมการทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging)

ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ส่งออก ควรบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินบาทผ่านเครื่องมือทางการเงิน เช่น Forward หรือ Option เพื่อลดความไม่แน่นอนของรายได้และรักษาความสามารถในการแข่งขันด้านราคา

2.หาสาเหตุการแข็งค่าที่แท้จริงของเงินบาทอย่างจริงจัง

ควรติดตามการแข็งค่าของเงินบาทอย่างต่อเนื่อง โดยแยกแยะให้ชัดเจนว่าเป็นผลจาก ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยหรือเป็นผลจาก กระแสเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นที่ผิดปกติ เพื่อให้สามารถกำหนดมาตรการได้ตรงจุดและทันท่วงที

3.แทรกแซงเพื่อลดความได้เปรียบเสียเปรียบด้านค่าเงินในภูมิภาค

ควรพิจารณาแทรกแซงค่าเงินบาทในลักษณะ ลดความผันผวนและชะลอการแข็งค่าไม่ให้เงินบาทแข็งค่ามากกว่าสกุลเงินของประเทศในอาเซียนอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากจะกระทบต่อ ความสามารถในการแข่งขันของการส่งออกไทยในตลาดโลก

4.ติดตามเส้นทางการลงทุนในธุรกิจเสี่ยงฟอกเงิน

เงินทุนที่ไหลเข้ามาในประเทศที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ สามารถเข้าไปลงทุนใน 4 ทางคือ ซื้อทองคำ ซื้อคริปโต ซื้ออสังริมทรัพย์ และจัดตั้งบริษัทนอมินี รัฐบาลต้องไปตรวจสอบเส้นทางเงินเหล่านี้ว่ามาอย่างไร

5.กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน แก็งสแกมเมอร์ และการทำธุรกิจ ต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะเงินที่ได้จากธุรกิจเหล่านี้ จะเป็น ต้นทางของการเข้าไปซื้อขายในทองคำ คริปโต อสังหาริมทรัพย์ และตั้งบริษัทตัวแทน (นอมินี)

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles