นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าที่นำเข้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท เป็นการเร่งด่วน จากเดิมที่ไม่เคยเรียกเก็บเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME โดยสั่งการให้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อดูถึงผลกระทบกับสภาวะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตรงส่วนนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องด้วย SME ในประเทศไทยเดือดร้อนเป็นอย่างมากต้องมีการเข้ามาดูแล
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 มีนาคมผ่านมา ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้เปิดเผยบทความวิเคราะห์ภาวะไทยขาดดุลการค้ากับจีนว่า ไทยขาดดุลการค้ากับจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ประเทศไทยกับจีนมีความสัมพันธ์ทางด้านการค้ากันมายาวนาน จีนเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย โดยไทยส่งออกไปจีนเป็นอันดับที่ 2 (12%) และนำเข้าจากจีนเป็นอันดับที่ 1 (24%) ซึ่งไทยขาดดุลการค้ากับจีนมาโดยตลอด การขาดดุลได้ทยอยเร่งตัวขึ้นจนล่าสุด ณ สิ้นปี 2566 ไทยขาดดุลการค้ากับจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ -36.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.35 ล้านล้านบาท
สินค้าสำคัญที่ไทยขาดดุลการค้ากับจีน คือ เครื่องจักรและเครื่องอุปกรณ์
ไฟฟ้า(33.8%) เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ บอยเลอร์ เครื่องจักรกล เครื่องใช้ (14.7%) รวมถึงสินค้าประเภทรถยนต์(7.5%) ขณะที่สินค้าที่ไทยเกินดุลการค้ากับจีน คือผลไม้สด(35.8%) ยางพารา(23.4%) และไม้(7.8%) ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรกรรมที่มูลค่าไม่สูงเพียงพอที่จะชดเชยมูลค่าสินค้าที่ขาดดุลได้
สินค้าอุปโภคบริโภคจากจีนทะลักเข้ามาในประเทศ โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เนื่องจากจีนมีข้อได้เปรียบเรื่องต้นทุนการผลิต และสินค้าจากจีนได้รับข้อยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท ซึ่งกำลังมีการทบทวนข้อยกเว้นดังกล่าว