นายกสมาคมโรงแรมไทยจ่อยื่นฟ้องศาลปกครอง รัฐบาลขึ้นค่าแรงวันละ 400 บาททั่วไทยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เลือกปฏิบัติ ไม่เป็นธรรมกับเจ้าของกิจการโรงแรม เมินสภาพเศรษฐกิจแท้จริง

นายกสมาคมโรงแรมไทยจ่อยื่นฟ้องศาล ปกครอง รัฐบาลขึ้นค่าแรงวันละ 400 บาททั่วไทยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เลือกปฏิบัติ ไม่เป็นธรรมกับเจ้าของกิจการโรงแรม เมินสภาพเศรษฐกิจแท้จริง

นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า เราเห็นด้วยกับการยกระดับแรงงานไทย แต่ต้องไม่ลืมว่าโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้เท่ากันทุกพื้นที่ การใช้มาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ อาจไม่ใช่คำตอบที่เหมาะสม

สมาคมโรงแรมไทยจึงออกแถลงการณ์แสดงความไม่เห็นด้วยต่อประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 14) ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ซึ่งกำหนดให้กิจการโรงแรมประเภท 2 ประเภท 3 และประเภท 4 ทั่วประเทศ ต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำให้แก่ลูกจ้างในอัตราวันละ 400 บาท โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป พร้อมระบุว่าจะยื่นเรื่องต่อศาลปกครองเพื่อให้ตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของประกาศดังกล่าว

แม้ว่าสมาคมจะเห็นพ้องกับหลักการของการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ โดยเห็นว่าการปรับขึ้นดังกล่าวมีเจตนาที่ดีในการยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงาน ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ และกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวม แต่สมาคมกลับเห็นว่า กระบวนการและหลักเกณฑ์ในการออกประกาศนี้ อาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย และมีลักษณะเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบกิจการโรงแรมในบางพื้นที่

นอกจากนี้ สมาคมให้เหตุผลว่า การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราเดียวทั่วประเทศนั้น ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละจังหวัด เนื่องจากประเทศไทยมีความหลากหลายทั้งด้านเศรษฐกิจ ดัชนีค่าครองชีพ ราคาสินค้าและบริการ รวมถึงปริมาณนักท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน

โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อย และภาคธุรกิจโรงแรมยังคงเผชิญกับภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจ การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท อาจกลายเป็นภาระต้นทุนที่หนักหน่วง และกระทบต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่โรงแรมในเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต หรือเชียงใหม่ อาจได้รับผลกระทบน้อยกว่า เนื่องจากมีรายได้และจำนวนผู้เข้าพักที่สูงกว่าอย่างชัดเจน

ขณะเดียวกัน หากมีการผลักดันให้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มสูงถึง 650 บาทต่อวัน ตามนโยบายของรัฐบาลในอนาคต ก็จะยิ่งทำให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจต่ำได้รับผลกระทบมากขึ้นเป็นทวีคูณ

ทั้งนี้สมาคมได้ศึกษากระบวนการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งกำหนดให้คณะกรรมการค่าจ้างต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ดัชนีค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนการผลิต มาตรฐานการครองชีพ และสภาพเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ ซึ่งสมาคมเห็นว่า การออกประกาศอัตราค่าจ้างขั้นต่ำแบบเหมารวมทั่วประเทศในครั้งนี้ ไม่ได้สะท้อนถึงการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวอย่างครบถ้วน

นอกจากนี้แม้มาตรา 87 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 จะให้อำนาจคณะกรรมการค่าจ้างสามารถกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเฉพาะกิจการใดกิจการหนึ่งในท้องถิ่นใดก็ได้ แต่สมาคมชี้ว่าอำนาจดังกล่าวไม่ควรใช้โดยปราศจากการพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามกฎหมาย

ในปัจจุบันมีการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามสภาพเศรษฐกิจของแต่ละจังหวัดอยู่แล้ว ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามในการสร้างความเป็นธรรมและเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ ดังนั้น การออกประกาศในลักษณะที่ใช้ “อัตราเดียวทั้งประเทศ” สำหรับกิจการโรงแรม อาจส่งผลเป็นการเลือกปฏิบัติ และละเลยข้อเท็จจริงทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

จากเหตุผลทั้งหมดนี้ จึงมีความจำเป็นต้องยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เพื่อให้ตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของ ประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 14) โดยเฉพาะใน ข้อ 2 (1) ซึ่งเป็นข้อที่กำหนดให้กิจการโรงแรมต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 บาททั่วประเทศ

ทั้งนี้นายเทียนประสิทธิ์ยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้ ไม่ได้มีเจตนาคัดค้านการขึ้นค่าจ้าง แต่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการโรงแรมในทุกพื้นที่ และเพื่อให้ภาครัฐตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้ดุลพินิจอย่างรอบคอบในการกำหนดนโยบายที่กระทบต่อภาคธุรกิจในระดับประเทศ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles