นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องการติดตามการดำเนินโครงการสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) โดยสั่งการให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ไปดำเนินการศึกษา เร่งรัดการดำเนินการเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อให้มีแนวทางในการดำเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป
นอกจากนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงคลัง เป็นผู้ยกร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร โดยนำร่าง พ.ร.บ. ฉบับที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรได้พิจารณา มาประกอบความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติครม.ที่เคยมีไว้ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 พร้อมทั้งจัดทำแผนการออกกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และให้นำเสนอ ครม.ในโอกาสต่อไป ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามขั้นตอนการเสนอกฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
สำหรับ Entertainment Complex มีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก โดยธุรกิจ Entertainment Complex ทั่วโลก เมื่อปี 2565 มีมูลค่าสูงถึง 1.5.ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 54 ล้านล้านบาท และคาดว่าปี 2571 มูลค่าทางเศรษฐกิจจะเติบโตเป็น 2.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 79 ล้านล้านบาท
ปัจจุบัน ประเทศ หรือเขตปกครองพิเศษ ที่ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรใหญ่ที่สุด คือ มาเก๊า ซึ่งมีประชากร 6.9 แสนคน แต่ทำธุรกิจได้ 3.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่าสูงมาก รองลงมา คือ ลาสเวกัส 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ, สิงคโปร์ 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนประเทศไทย 0 บาท นอกจากนี้ ประเทศญี่ปุ่นมีแผนจะผุด Entertainment Complex ขึ้นมาอีก 3 แห่งในเร็วๆ นี้ ทั้งโอซาก้า นางาซากิ และฟุกูโอกะ ดังนั้น ประเทศไทยต้องเร่งดำเนินการ หากจะมีรายได้ทางนี้
ทั้งนี้ ทางกมธ. ได้คำนวณเบื้องต้นว่า ถ้าประเทศไทยมี Entertainment Complex จะมีรายได้ไหลเข้ามามหาศาล และปีแรกจะสามารถเก็บภาษีได้ไม่น้อยกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท