น้ำมันดิบตลาดโลกดีดกลับสูงขึ้นปิดเหนือ 77 ดอลลาร์ สถานการณ์ตะวันออกกลางตึงเครียด

น้ำมันดิบ ตลาดโลกดีดกลับสูงขึ้นปิดเหนือ 77 ดอลลาร์ สถานการณ์ตะวันออกกลางตึงเครียด

ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 72.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.9% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 77.41 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.61 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.8% ย้อนไปในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สิ้นสุดปี 2023 พบว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปิดลดลงกว่า -10% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดรายปีลดลงในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา สำหรับในปี 2022 นั้น ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิด +7% สอดรับกับราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิด +10%

สาเหตุจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงไม่เห็นสัญญาณในทางบวกแต่อย่างใด เนื่องจากอิหร่านเข้ายึดเรือบรรทุกขนส่งน้ำมันดิบลำหนึ่งของประเทศอิรัก ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งประเทศโอมาน และกำลังออกเดินทางไปส่งน้ำมันดิบให้กับประเทศตุรกี ขณะที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษขอรัฐสภาอังกฤษใช้อำนาจปฏิบัติการทางทหารเพื่อเข้าร่วมสนับสนุนกับสหรัฐอเมริกาในการป้องกันและจัดการปัญหาการโจมตีหรือยึดเรือขนส่งสินค้าและน้ำมันในบริเวณทะเลแดง ด้านสภาความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ผ่านแนวทางการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าว โดยเรียกร้องให้กลุ่มกบฎฮูติยุติการใช้อาวุธโจมตีกองเรือขนส่งสินค้า

นอกจากนี้ การประท้วงของพนักงานในแหล่งผลิตน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศลิเบียมีชื่อว่า ชารารา ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบหดหายไปวันละกว่า 300,000 บาร์เรล เนื่องจากต้องปิดแหล่งผลิตน้ำมันดิบดังกล่าวจนกว่าสถานการณ์ประท้วงจะคลี่คลาย

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles