ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 78.34 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.4% ส่งผลให้หยุดราคาปิดขึ้น 3 วันติดกันรวม 2.85 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.30%
ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 82.34 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.22 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.5% ส่งผลให้หยุดราคาปิดขึ้น 3 วันติดกันรวม 1.96 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.25% เมื่องานนี้ทำสถิติราคาปิดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หรือตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2024
ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่งปิดขึ้น +3% และ +1.5% ตามลำดับ
สาเหตุจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ ได้ปรับลดการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปีนี้ที่จะเพิ่มขึ้นโดยลดลงจากเป้าเดิมที่ 1.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาเหลือที่ 1.22 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่สถานการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางได้เกิดขึ้นรอบใหม่ เมื่อกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ยิงจรวดจำนวนมากไปยังภาคเหนือของอิสราเอล เพื่อตอบโต้ต่อการที่อิสราเอลยิงโจมตีไปทางตอนใต้ของเลบานอน ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับกว่า 10 ราย กลุ่มกบฏในเยเมนใช้อาวุธหนักยิงโจมตีเรือขนส่งน้ำมันดิบในทะเลแดงที่กำลังมุ่งหน้าไปยังอินเดีย
เมื่อสิ้นสุดปี 2023 พบว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปิดลดลงกว่า -10% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดรายปีลดลงในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา สำหรับในปี 2022 นั้น ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิด +7% สอดรับกับราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิด +10%
ทั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2022 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน และในปี 2022 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล